สั่งลาดตระเวนเข้ม หลังพบ “สรณ์สืบ” เสือโคร่งดับ นอกเขตห้วยขาแข้ง

กรมอุทยานฯ ชี้แจงกรณี “สรณ์สืบ” เสือโคร่งตาย พบซากนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อธิบดีสั่งขยายพื้นที่ลาดตระเวนและเข้มงวดตรวจหาแร้วดักสัตว์
นายเพิ่มศักดิ์ กนิษฐชาต หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ออกมาชี้แจงกรณี “สรณ์สืบ” เสือโคร่งดับ โดยยืนยันว่าจุดที่พบซาก เสือโคร่ง ไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แต่เป็นพื้นที่ใกล้เคียง คือ สวนป่าลาดยาว อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ดร.อัจฉรา ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) พบว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ทีมวิจัยติดตามพิกัดจากปลอกคอของเสือโคร่งผ่านระบบดาวเทียม และตรวจพบชิ้นส่วนกระดูก ปลอกคอ และร่องรอยของการขุดหลุมพรางแร้วดักสัตว์แบบเหยียบในพื้นที่ ห่างจากสวนป่าลาดยาวเพียง 40 เมตร
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า พฤติกรรมของ เสือโคร่งวัยรุ่น มักออกเดินทางนอกพื้นที่หากินเดิม ซึ่งเป็นเรื่องปกติในธรรมชาติ แต่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการรอดชีวิตของเสือในวัยนี้ต่ำ
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งดำเนินมาตรการเข้มข้น ประกอบด้วย
- เพิ่มการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ “เคาะประตูบ้าน” เพื่อขอความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่แนวกันชนและใกล้เคียง ห้ามใช้แร้วดักสัตว์ และหากพบผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
- ขยายพื้นที่ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ค้นหาแร้วดักสัตว์ทั้งในแนวกันชนและนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย
ขณะนี้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้จัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานใกล้เคียง เช่น หน่วยพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า “ซับป่าพลู” และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อน.2 กรมป่าไม้ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการ ลาดตระเวนและตรวจค้นกับดักสัตว์ป่า ให้ครอบคลุมทั้งในและนอกเขตป่า
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการอนุรักษ์ เสือโคร่งในประเทศไทย ที่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการลักลอบล่าและการสูญเสียถิ่นอาศัย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะเร่งดำเนินมาตรการป้องกันและเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง.