แมลงก้นกระดก ภัยร้ายหน้าฝน รู้ทันพิษ วิธีปฐมพยาบาลและป้องกัน

รู้จักแมลงก้นกระดก ภัยเงียบในฤดูฝน พิษทำให้ผิวหนังอักเสบ บวม แสบคัน พร้อมแนะนำวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น วิธีรักษา และเทคนิคป้องกันแมลงก้นกระดกสำหรับคุณและครอบครัว
"แมลงก้นกระดก" หรือ ด้วงก้นกระดก (Rove beetles) เป็นแมลงตัวเล็ก ยาวเพียง 7–10 มม. ลำตัวสีดำสลับส้ม มีลักษณะหางกระดกขึ้น มักพบมากใน ฤดูฝน โดยเฉพาะบริเวณที่ชื้น เช่น กองใบไม้ เศษพืช และมักบินเข้าหาแสงไฟตอนกลางคืน
พิษแมลงก้นกระดกอันตรายอย่างไร
แมลงก้นกระดกไม่ได้กัดหรือต่อย แต่อันตรายเกิดจาก "สารพิเดอริน (Pederin)" ที่อยู่ในตัว หากถูกปัดหรือตบจนแตก พิษจะสัมผัสผิวหนัง ทำให้เกิด ผื่นผิวหนังอักเสบ ภายใน 8–12 ชั่วโมง อาการที่พบคือ
- ปวดแสบ ปวดร้อน คัน
- ผื่นแดงหรือตุ่มพุพอง ลักษณะเป็นรอยยาว
- บางรายอาจคลื่นไส้ มีไข้ หรือพุพองรุนแรง
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อสัมผัสพิษแมลงก้นกระดก
- ห้ามปัดหรือตบแมลง ใช้เป่าหรือสะบัดออกเบาๆ
- รีบล้างผิวด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ
- ประคบเย็น ลดแสบร้อนและอาการคัน
- หลีกเลี่ยงการเกา ลดโอกาสติดเชื้อ
วิธีป้องกันแมลงก้นกระดก
- รักษาความสะอาดบ้าน ไม่ให้มีเศษพืชหรือขยะชื้นแฉะ
- ปิดประตูหน้าต่าง ตรวจเช็กมุ้งลวด
- ลดแสงไฟสว่างจ้าในตอนกลางคืน
- ตรวจที่นอน หมอน ผ้าห่มก่อนนอน
- หากต้องทำงานกลางแจ้ง ควรใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว
แมลงก้นกระดกถือเป็น ภัยเงียบหน้าฝน ที่ไม่ควรมองข้าม แม้พิษไม่ถึงชีวิต แต่ทำให้เกิดผื่นอักเสบและรอยแผลได้ง่าย การรู้จักลักษณะ อาการ วิธีปฐมพยาบาล และวิธีป้องกัน จะช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัย ห่างไกลจากพิษของแมลงชนิดนี้

ชื่อนี้ใครตั้ง เปิดที่มา “พายุรากาซา” ความหมายและที่มาที่ควรรู้

จับสาวเมียนมา ตัวการคุมขบวนการแรงงานเถื่อน หลังหลบหนีครึ่งปี

รับมือน้ำท่วม! เครื่องใช้จำเป็นที่ทุกบ้านควรเตรียมไว้ล่วงหน้า

เกษตรกรระทม "นมสดไทยวิกฤต" แพ้นมผงนำเข้า สู้ไม่ไหวต้องเททิ้ง
