อาการล่าสุด "ข้าวต้ม" ลุกนั่งได้เองแล้ว เคลื่อนไหวว่องไวขึ้น

วันนี้ (21 ธ.ค. 2568) ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานความคืบหน้าการดูแลลูกช้างป่า “ข้าวต้ม” โดยเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 2568) นายสัตวแพทย์ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ และหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า อาการของลูกช้างป่าข้าวต้มมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 16–20 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

 

จากการติดตามอาการพบว่า ลูกช้างสามารถกินนมได้ แม้ปริมาณยังน้อยกว่าที่คำนวณไว้ แต่ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ปัสสาวะปกติ ส่วนอุจจาระยังมีลักษณะเหลวปนเนื้อครีม อย่างไรก็ตาม เนื้อครีมเริ่มมีปริมาณมากขึ้นกว่าส่วนที่เหลว สะท้อนให้เห็นว่าระบบทางเดินอาหารกำลังฟื้นตัว และไม่พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในทุกช่วงเวลาที่ตรวจ

 

ทีมสัตวแพทย์ได้ดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและครบวงจร ทั้งการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ วิตามิน ยาบำรุงตับ ยารักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ยาปฏิชีวนะ รวมถึงยาลดอาการปวดเกร็งช่องท้องเมื่อจำเป็น พร้อมเสริมแคลเซียมและวิตามินรวมทางปาก ควบคู่กับการดูแลแผลและแผลกดทับบริเวณผิวหนัง ด้วยการทำความสะอาด พ่นยา ทายา และใช้เลเซอร์บำบัดอย่างต่อเนื่อง

ข่าวดีที่สร้างความชื่นใจคือ ลูกช้างป่าข้าวต้มมีพฤติกรรมร่าเริง ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดี สามารถลุกนั่งได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะขาหน้าทั้งสองข้างที่เคยมีความผิดปกติ เริ่มมีกำลังมากขึ้น ยกขาได้เร็วกว่าเดิม

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ช่วยพยุงตัวพาเดินออกกำลังกายครั้งละประมาณ 5–10 นาที พร้อมพลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง พบว่าการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ขณะเดียวกัน ทีมสัตวแพทย์ยังคงทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการนวดขา ยืดเหยียดขาหน้า และใช้เครื่องอัลตราซาวนด์เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น โดยมีทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เฝ้าติดตามประเมินอาการวันต่อวัน และดูแลลูกช้างป่าข้าวต้มอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมให้การสนับสนุนและส่งกำลังใจ พร้อมยืนยันว่าจะรายงานความคืบหน้าการรักษาของลูกช้างป่าข้าวต้มให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง