กองทัพบกประกาศจุดยืน! ยุติข้อตกลงหลังพบพฤติกรรมเป็นปรปักษ์

หลังเกิดเหตุทหารได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด กองทัพบกประกาศยุติข้อตกลงร่วมกับกัมพูชาพร้อมเพิ่มมาตรการเข้มชายแดน เพื่อป้องกันการคุกคามและลดความเสี่ยงต่อกำลังพล
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุทหารได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้กองทัพบกต้องประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงอย่างเร่งด่วน
โดยวานนี้ (10 พฤศจิกายน 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมถึงกรณี กำลังพลประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า
“จากรายงานล่าสุด พบว่ามีกำลังพลได้รับบาดเจ็บรวม 4 นาย ได้แก่
• จ่าสิบเอก เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขวาขาด
• พลทหาร วชิระ พันธะนา มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด
• พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา
• พลทหาร อนุชา สุจารี มีอาการระคายเคืองตาจากฝุ่นหรือสารเคมีของระเบิด
ขณะนี้ทุกนายได้รับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่แล้ว”
พลตรี วินธัย กล่าวต่อว่า “กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่กำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบนเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นจุดที่ทหารกัมพูชาเคยรุกล้ำเข้ามาวางกำลัง ก่อนจะถอนกำลังออกไปภายหลังเหตุปะทะที่ผ่านมา
โดยหลังจากทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไปแล้ว ฝ่ายไทยได้เข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 68 พร้อมทั้งได้ดำเนินการเสริมความมั่นคงพื้นที่ ด้วยการกวาดล้างทุ่นระเบิด วางเครื่องกีดขวางลวดหนาม และลาดตระเวนเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 68 ตรวจพบว่าแนวลวดหนามที่วางไว้ถูกลักลอบเข้ามารื้อถอน จากนั้นในวันที่ 10 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 08.30 น. หน่วยในพื้นที่จึงได้จัดกำลังชุดลาดตระเวนร่วมกับชุดทหารช่าง เข้าพิสูจน์ทราบบริเวณแนวลวดหนามที่ถูกรื้อถอน จนเกิดเหตุกำลังพลเหยียบทุ่นระเบิด มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นายข้างต้น
หลังจากเกิดเหตุ เวลาประมาณ 15.50 น. หน่วยในพื้นที่ได้จัดกำลังร่วมกับชุดตรวจค้น นปท.3 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู เข้าพิสูจน์ทราบบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยตรวจพบรายละเอียดดังนี้
1. หลุมระเบิดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 55 ซม. ลึก 18 ซม. จำนวน 1 หลุม
2. ชิ้นส่วนทุ่นระเบิด PMN-2 อยู่ภายในหลุมและพื้นที่ใกล้เคียง
3. ทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มเติมจำนวน 3 ทุ่น โดยแต่ละทุ่นวางห่างจากหลุมระเบิดประมาณ 1 เมตร
จากหลักฐานที่ปรากฏ จึงสรุปได้ว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นการลักลอบรื้อถอนลวดหนามและเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตไทย โดยมีเป้าหมายคือกำลังพลที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ การกระทำดังกล่าวแสดงถึงความไม่จริงใจในการลดความขัดแย้งของฝ่ายกัมพูชา และสะท้อนถึงความเป็นปรปักษ์ระหว่างกัน ซึ่งขัดต่อปฏิญญาร่วมที่ได้ลงนามไว้อย่างชัดเจน ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อท่าทีของฝ่ายไทยและข้อตกลงต่าง ๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง”
ล่าสุดวันนี้ (11 พฤศจิกายน 2568 ) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวแสดงท่าทีของกองทัพต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่าแรงกดดันและพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทัพบกจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อรักษาสิทธิในการป้องกันตนเอง
“ความจริงได้ปรากฏอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่าทีแห่งความเป็นปรปักษ์ยังคงอยู่ กองทัพบกจำเป็นต้องยุติทุกข้อตกลง เพื่อรักษาสิทธิในการป้องกันตนเองจากการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม” พลเอก พนา กล่าว
ที่มา @กองทัพบก Royal Thai Army




















