โครงการคนละครึ่ง พลัส ไม่ได้จำกัดแค่ร้านอาหารเท่านั้น

โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ของรัฐบาล เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่ต่อยอดมาจากโครงการคนละครึ่งเดิม โดยเพิ่มขอบเขตให้สามารถใช้จ่ายได้ในร้านบริการชีวิตประจำวัน ไม่จำกัดเฉพาะร้านอาหารหรือสินค้าทั่วไปเท่านั้น

ประชาชนที่ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง (G Wallet) ได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00–23.00 น. รัฐช่วยออกเงิน 50% และผู้ใช้สิทธิออกเองอีก 50% จำกัดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายและหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ

ร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมได้ ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านขายสินค้าทั่วไป, รวมถึงร้านให้บริการในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านนวดแผนไทย, ร้านสปา, ร้านเสริมสวย, ร้านตัดผม, ร้านซักรีด, ร้านล้างรถ, และบริการขนส่งท้องถิ่น ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วผ่านแอปฯ ถุงเงิน

มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจบริการในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม

 

ผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเริ่มใช้สิทธิภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 23.00 น. มิฉะนั้นสิทธิจะถูกตัด และไม่สามารถขอคืนได้

สำหรับสินค้าหรือบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิได้ ยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด หรือบริการที่มีการจ่ายล่วงหน้า ซึ่งไม่อยู่ในขอบเขตโครงการ

ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ทางแอปฯ เป๋าตัง หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่งพลัส.com
 โดยมีการอัปเดตร้านค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

เสียงจากภาครัฐ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า

“คนละครึ่ง พลัส เป็นอีกก้าวของนโยบายช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย โดยขยายสิทธิจากการบริโภคสินค้าไปสู่ภาคบริการ เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นมีการหมุนเวียนอย่างทั่วถึง”

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายขอบเขตนี้จะช่วยให้ธุรกิจบริการรายเล็ก เช่น ร้านนวด ร้านซักรีด หรือร้านเสริมสวย ซึ่งมักพึ่งพาลูกค้าประจำในพื้นที่ มีโอกาสได้รับรายได้จากผู้ใช้สิทธิคนละครึ่ง พลัส มากขึ้น

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

www.คนละครึ่งพลัส.com