เตือนวิกฤตไทยสูงวัยเต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุลดลง

“ไทยเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ เต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตกลับต่ำลง”
ผู้เชี่ยวชาญเตือน รัฐต้องเร่งปรับนโยบายรองรับ ก่อนวิกฤตดูแลผู้สูงวัยจะลุกลาม
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุระดับสมบูรณ์” อย่างเป็นทางการในปี 2568 โดยประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเกิน 20% ของทั้งประเทศ และคาดว่าภายในปี 2583 จะมีผู้สูงอายุถึงเกือบ หนึ่งในสามของประชากรไทยทั้งหมด

แต่ในขณะที่จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับพบว่าคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ กลับถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านรายได้ สุขภาพกายใจ และการเข้าถึงบริการของรัฐ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า

ผู้สูงอายุกว่า 1 ใน 3 ไม่มีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงชีพ

เกิน 60% พึ่งพาบุตรหลานเป็นหลัก

และกว่า 40% มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือข้อเสื่อม
 

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุจำนวนมากยังรู้สึก “โดดเดี่ยว” เพราะบุตรหลานย้ายถิ่นฐานไปทำงานในเมือง ทำให้ขาดการดูแลทั้งทางกายและใจ

นักวิชาการจากหลายสถาบันเสนอว่า รัฐบาลควรเร่งวางนโยบาย “สังคมสูงวัยคุณภาพ” เช่น เพิ่มเบี้ยยังชีพตามค่าครองชีพจริง ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงวัย และสร้างระบบดูแลสุขภาพเชิงรุกในชุมชน เพื่อให้ผู้สูงอายุยังคงมีศักยภาพและศักดิ์ศรีในชีวิต

แหล่งอ้างอิง

1.สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) – ข้อมูลประชากรและผู้สูงอายุไทย 2568

2.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

3.รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2567 – สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล

4.วารสารวิชาการด้านสังคมสงเคราะห์และผู้สูงอายุ