"บิ๊กโจ๊ก" ร้องเอาผิด นายกฯเศรษฐา ทวีสิน หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการ

22 เมษายน 2567

บิ๊กโจ๊ก ยื่นเรื่องเอาผิด ร้องเรียน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังมีคำสั่งให้กลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วให้ออกจากราชการไว้ก่อน

จากกรณี บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายัง  ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หลังจากที่ตนเองถูกดำเนินคดีและเข้าสู่ขบวนการสอบสวนอย่างไม่เป็นธรรม มานานกว่า 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน

"บิ๊กโจ๊ก" ร้องเอาผิด นายกฯเศรษฐา ทวีสิน หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการ

ล่าสุดวันนี้ บิ๊กโจ๊ก ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่มีคำสั่งให้ตนกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วให้ออกจากราชการ ทั้งที่ก่อนหน้ามีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกและอยู่ในขบวนการสอบสวน 60 วันและกล่าวหาหัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมด ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจ 

"บิ๊กโจ๊ก" ร้องเอาผิด นายกฯเศรษฐา ทวีสิน หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการ

"ผมออกจากราชการแล้ว หลังจากนี้ผมมีเวลาในการเตรียมตัวสู้คดีเยอะ หลังจากนี้เตรียมตั้งรับให้ทันแล้วกัน"

ส่วนความผิดฐานฟอกเงินหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช. จะต้องสอบสวน แต่ถ้าหากความเสียหายมูลค่าเกินกว่า 300 ล้านบาท ต้องเป็นอำนาจของ DSI โดยพนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนคดีพิเศษให้ DSI ภายใน 15 วัน แต่ทางพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน อ้างว่า ความเสียหายไม่ถึง 300 ล้าน ซึ่งภายหลังพบว่าสำนวนที่ส่งให้ ป.ป.ช. มีความเสียหายอยู่ที่ 490 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าการที่พนักงานสอบสวน สอบสวนแทน ป.ป.ช. ไม่ได้หวังผลในเรื่องคดี 

“แต่หวังผลไม่ให้ตนขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งตนเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. อันดับที่ 1 แต่ถ้าหากตนเป็นอันดับที่ 6 คงไม่ถูกกระทำแบบนี้”

"บิ๊กโจ๊ก" ร้องเอาผิด นายกฯเศรษฐา ทวีสิน หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการ

 

ตนมองว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงมีการกลั่นแกล้งและมีขบวนการแบ่งงานกันทำและตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมมาโดยตลอด แต่ภายหลังจากที่มีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน (18 เม.ย.) 1 วันหลังจากนั้น คณะพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. (19 เม.ย.) ซึ่งมองว่า ถ้ามีการส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ตั้งแต่แรก ตนจะอยู่ในฐานะผู้บริสุทธิ์ จนกว่าคณะกรรมการจะชี้มูลและคดีจะเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งตามกฎหมายจะไม่สามารถแต่งตั้งหรือโยก ย้ายตนได้ 

"ถ้าสอบสวนอย่างเป็นธรรม แล้วผมผิดจริงผมออกเลย เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงหมอบไปแล้ว" 

ส่วนเรื่องวินัยตนได้เตรียมต่อสู้โดยการร่างหนังสือถึงคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และจะมีการแถลงข่าวในอีก 1-2 วันนี้ เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยโดยมิชอบ และเชื่อว่าสื่อจะต้องตกใจอย่างแน่นอน