เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

13 มีนาคม 2567

"อาจารย์เอ จักรพรรดิ" เปิดสำนักเทวาลัย เล่าจุดเริ่มต้นของการมาเป็น"อาจารย์เอ จักรพรรดิ" พร้อมตอบทุกข้อสงสัย พร้อมแจงดราม่าคลิปลูกศิษย์ก้มหมอบกราบ เรื่องพรมแดง

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณี เพจ อีซ้อขยี้ข่าว ได้เผยคลิปเหตุการณ์คนแห่หมอบกราบ "อาจารย์เอ จักรพรรดิ" พร้อมตั้งคำถาม ทำไมต้องหมอบกราบ? เค้าคือใคร...อยู่วรรณะไหน? ซึ่งจะเห็นชายรายหนึ่งในชุดสีฟ้านั่งรถหรูหรามีคนประกบดูแลใกล้ชิดคอยถือร่มให้อีกทั้งยังมีพรมปูรอรับจากรถท่ามกลางผู้คนรายล้อมรอต้อนรับ ยิ่งไปกว่านั้น มีบางคนผู้คนที่นั่งพนมมือไหว้พร้อมพวงมาลัยมามอบให้ ทราบต่อมาว่าบุคคลดังกล่าว คือ อ.เอ จักรพรรดิ และอยากรู้ถึงประวัติความเป็นมาของอ.เอ จักรพรรดิ

เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

ล่าสุด วันนี้ 13 มี.ค. 67 เวลา 11.00 น. อาจารย์เอ จักรพรรดิ เปิดสำนักเทวาลัย ให้สื่อมวลชนได้ซักถามข้อเท็จจริง และได้มีการทำความรู้จักกับอาจารย์ พร้อมเปิดประวัติความเป็นมา รวมไปถึงชี้แจ้งประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นดังนี้

 "อาจารย์เอ จักรพรรดิ เผยว่า ตนเป็นอาจารย์และเป็นคนๆนึง ที่เกิดมาเหมือนคนทั่วไป เกิดจากครอบครัวชาวนา พ่อของอาจารย์มีตาข้างเดียวแล้วก็เลี้ยงอาจารย์มาอย่างดี ให้การศึกษามาโดยตลอด อาจารย์เกิดมาไม่ได้มีโอกาสในชีวิตมากมาย จึงพยายามที่จะทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ ต่อสู้ชีวิตมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานร้านเช่า VCD ตั้งโต๊ะขายโทรศัพท์ ขายเสื้อผ้า ร้านเสริมสวยต่างๆ แต่ที่คนรู้จักอาจารย์มากที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่ขายสบู่นีออน 

เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

ซึ่งประเด็นดราม่าอ.เอ จักรพรรดิ ใน เพจอีซ้อขยี้ข่าว แชร์คลิปคนแห่หมอบกราบ "อาจารย์เอ จักรพรรดิ" พร้อมตั้งคำถาม ทำไมต้องหมอบกราบ? เค้าคือใคร...อยู่วรรณะไหน? นั้น อาจารย์เอจักรพรรดิได้กล่าวชี้แจงคลิปจากภาพที่มีการกราบไหว้

เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

อย่างแรกอาจารย์ขออธิบายว่าอาจารย์ไม่เคยมีกฎระเบียบว่าทุกคนมาถึงแล้วต้องกราบไหว้อาจารย์ ต้องนั่งกับพื้น ต้องหมอบ หรือต้องคลาน ลูกศิษย์ที่นี่จะทราบกันดี เคยมีคนบอกว่าไม่เหมาะสม อาจารย์ก็ระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา อาจารย์ไลฟ์สดแจ้งลูกศิษย์ว่าหากมาหาอาจารย์ยืนได้ตามปกติ

เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

ทุกคนที่มาถ่ายรูปกับอาจารย์ก็จะทราบดีว่าอาจารย์บอกเสมอว่าให้ยืนได้ แต่ท้ายสุดแล้วมันคือความรักความศรัทธาที่ลูกศิษย์มีต่ออาจารย์ อาจารย์เป็นคนที่มีครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน และเวลาอาจารย์เข้าหาครูบาอาจารย์อาจารย์ก็หมอบก็กราบ เป็นการให้ความเคารพและความรักมันไม่มีเหตุผล และไม่มีกฎกติกาใด และอาจารย์เข้าใจได้ดีว่าในภาพของคนที่มองเข้ามาอาจจะรู้สึกว่า เหตุใดทำไมถึงเป็นภาพแบบนี้ เกิดความคิดต่างๆนานา อาจารย์เข้าใจทุกความคิดเห็นของทุกคน เพราะทุกคนมีความเชื่อ ความคิด มุมมองที่แตกต่างกันออกไป 

 

สำหรับพรมแดง และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าปูพรมแดงรอต้อนรับนั้น แท้จริงแล้วเป็นพรมเช็ดเท้า ส่วนพรมสีน้ำเงินนั้นปูไว้สำหรับให้ลูกศิษย์ลูกหาที่มาที่เทวาลัยแห่งนี้ รู้สึกเดินสบายเท้าไม่ร้อนร่มรื่น 

ส่วนจะไปกำชับลูกศิษย์หรือไม่นั้น อาจารย์คงไม่ไปกำชับเพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความรัก ถ้าไปห้ามนั้นหมายถึงกฎเกณฑ์ เพราะฉะนั้นเขาอยากแสดงออกความรัก เขาทำได้แต่ให้รู้ไว้ว่าอาจารย์ไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนจะต้องแสดงออกแบบนั้น อาจารย์ก็อยากจะบอกว่า เข้าใจได้กับประเด็นที่เกิดขึ้น อาจารย์ก็เป็นมนุษย์ 1 คน ที่มีความชอบและไม่ชอบ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติ

เอ จักรพรรดิ ชี้แจงชัด จุดเริ่มต้นมาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์หมอบกราบ ปูพรมแดง

ดังนั้นเคารพในความคิดเห็นของทุกคนว่าอาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง ไม่เป็นไร แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นที่ทำให้ตนได้กลับมาศึกษาตนเอง เข้าใจตนเองและถามกับตนเองว่าเราจะสามารถดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง

จุดเริ่มต้นของการมาเป็นอาจารย์เอ จักรพรรดิ อยู่ในช่วงที่อาจารย์เคยล้มละลายมาก่อน ผิดพลาดทางธุรกิจ ซึ่งอาจารย์ได้ไปบนบานศาลกล่าวกับครูบาอาจารย์ว่าหากสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และได้ทุกอย่างกลับคืนมา จะดำรงตนในสายนี้ เป็นตัวแทนของเทพไท้เทวาครูบาอาจารย์ในการสื่อสารเรื่องศรัทธาต่างๆเหล่านี้ให้กับผู้คนได้รู้จัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่อาจารย์ได้ไปที่ศาลล้มละลายกลาง แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้อาจารย์ได้ทุกอย่างกลับคืนมา

ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเป็นที่รักของคนมากมาย แต่ทันทีที่เรารู้ว่ามีคนรักและศรัทธาในตัวเรามาก เราก็พยายามอยากจะเป็นคนที่ดีมากขึ้น ส่วนการร่ำเรียนศาสตร์วิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์นั้น ขออนุญาตไม่เปิดเผย ไม่อยากให้เกิดการเชื่อมโยงใดๆ แต่ไม่ว่าอาจารย์จะร่ำเรียนมาจากไหนก็ตาม ส่วนตัวอาจารย์ทั้งหมดแล้วมันคือความเชื่อ มันคือที่พึ่งทางใจของผู้คน ที่มีความสบายใจได้มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์