เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 66 "อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์" อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า "ไม่สนับสนุนให้เอาน้ำยาล้างจาน ไปผสมน้ำแช่ปลาครับ"
เช้านี้มีคนทักหลังไมค์มาหลายคนเลย ถึงกรณีที่มีคลิปวีดีโอเผยแพร่ไวรัลกัน เป็นการเอาน้ำยาล้างจานยี่ห้อหนึ่ง มาผสมในน้ำที่สำหรับแช่ปลาระหว่างขนส่ง โดยอ้างว่า ฟองของน้ำยาจะช่วยให้น้ำมีอากาศเยอะ ปลาจะไม่ตายง่าย .. แต่ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่า จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคปลานั้นจริงหรือ ? แม้จะอ้างว่าน้ำยานั้น เป็นสูตรสกัดจากธรรมชาติก็ตาม
น้ำยาล้างจาน แม้จะมีหลายสูตรผสม แต่ก็เป็นสารเคมีที่ใช้ทำครัวเรือน โดยองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของสารเคมีที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิว ทำให้คราบไขมันคราบสกปรกหลุดออกจากจานชามได้ง่ายขึ้น และไม่ได้จัดว่าเป็นอาหารสำหรับการบริโภคแต่อย่างไร แม้จะเรียกว่าเป็นแบบ food grade ก็ตาม (ซึ่งหมายถึงใช้กับภาชนะใส่อาหารได้ แต่ไม่ได้แปลว่า ให้เอามากินโดยตรง)
การเผลอกินน้ำยาล้างจานเข้าไปโดยตรง ซึ่งมักจะมีข่าวเกิดกับเด็กเล็กๆ นั้นนับว่าเป็นเรื่องอันตราย เพราะสารเคมีในน้ำยาจะทำให้เกิดความระคายเคืองสูง ทั้งจากการที่มันเป็นสารซักล้างและความที่มันมีค่า pH เป็นด่าง ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง เกิดอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนได้ โดยขึ้นอยู่กับปริมาณของสารที่กินเข้าไป และความเข้มข้นของสูตรน้ำยาที่ใช้ด้วย
แม้ว่าบางคนจะอ้างเรื่องที่ในต่างประเทศมีคนใช้น้ำยาล้างจานกัน "แบบล้างแล้วไม่ล้างน้ำเปล่าออก" นำไปคว่ำตากแห้งเลยก็ตาม แต่ในด้านของบริษัทผู้ผลิตนั้น ก็จะมีการระบุเตือนว่า จริงๆ แล้วควรจะล้างด้วยน้ำเปล่าออกให้หมด (อ้างอิง) ไม่ควรทิ้งให้เป็นคราบไว้ ซึ่งอาจมีผลต่อร่างกายได้
ดังนั้น การนำเอาน้ำยาล้างจานไปผสมกับน้ำที่ใช้แช่ปลานั้น แม้จะมีไม่มาก (ขึ้นกับปริมาณและความเข้มข้นของน้ำยาที่ใส่ลงไป) ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ ไม่ใช่แนวปฏิบัติที่ถูกต้องในการใช้น้ำยา และน้ำยาเองก็ไม่ได้แค่เคลือบผิวของตัวปลา แต่จะสามารถเข้าปากปลาไปอยู่ในร่างกายของปลาได้ด้วย
ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำให้เกิดฟองน้ำยาขึ้น แล้วจะกักอากาศไว้ได้นั้น ก็ไม่น่าจะได้มากอย่างที่คิดกัน น่าจะเป็นความเชื่อตามกันมากกว่า .. การใช้เครื่องปั๊มอากาศลงไปในน้ำ น่าจะได้ประโยชน์ตรงไปตรงมามากกว่าครับ