ตร. บุกรวบอดีตครูฝึก PSO พร้อมพวก รับจ้างฆ่าลูก-เมีย ปมขัดแย้งบริษัท

  วันที่ 22 ธันวาคม 2566 (วันนี้) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกรวบอดีตครูฝึกหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รับงานฆ่าลูก-เมีย ภายใต้การอำนวยการของ 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.
พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. 
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.วิวัฒน์  จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. 
พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม.
ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป.
พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก
พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล
พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.2 บก.ป.

 

 

โดย เจ้าพนักงานผู้จับกุม นำโดย กก.2 บก.ป. , กก.3 บก.ป., กก.สสน. บก.ป., EOD ศพฐ.
 
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย ดังนี้

1. นายฟง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 4764/2566 ลงวันที่ 21 ธ.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" สถานที่จับกุม หมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพ

2.พล.ร.ต.ประกายพฤกษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 4748/2566 ลงวันที่ 21 ธ.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"

3.นายเทวราช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 4747/2566 ลงวันที่ 21 ธ.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"

 

 

สถานที่จับกุม บ้านพัก ซอยทวีวัฒนา 14 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ
 
​ตรวจยึดของกลางจำนวน 6 รายการ ดังนี้

• ลูกระเบิดขว้าง(ลูกเกลี้ยง)​​จำนวน 3 ลูก ​​(ยึดจากมือปืน)
• กระสุนปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. ​จำนวน 6 นัด​​(ยึดจากมือปืน)
• ลูกระเบิดยิง ขนาด 40 มม. (M79)​จำนวน 10 ลูก​​(พล.ร.ต.ประกายพฤกษ์)
• อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .357​​จำนวน 1 กระบอก ​(นายเทวราช)​​
• เสื้อเกราะกันกระสุน (ยุทธภัณฑ์)​จำนวน 1 ชุด​​(นายเทวราช)
• รถยนต์​​​​จำนวน 2 คัน​​(พล.ร.ต.ประกายพฤกษ์, นายเทวราช)​

 

   

 

    เนื่องด้วยตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)ได้รับแจ้งจากนายเจมส์(ผู้เสียหาย) ว่าเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตนได้มีความขัดแย้งกับบิดาของตนเรื่องการเป็นกรรมการบริษัท ผลประโยชน์และอำนาจภายในบริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต-ส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ก่อนสืบทราบมาว่ามีคนปองร้ายตนและมารดา ซึ่งเป็นคนมีสีระดับ "นายพล"  ทั้งนี้ นายเจมส์ เกรงว่ามารดาของตนจะได้รับอันตราย จึงบอกให้มารดาหลบหนีไปอยู่ที่ต่างประเทศก่อน แต่ตนเองยังต้องอยู่ที่ประเทศไทย เพราะต้องอยู่บริหารกิจการของบริษัท และมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนติดตามตนอยู่ตลอดเวลา  ทางด้านพล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. ทำการสืบสวนและตรวจสอบติดตามกลุ่มขบวนการดังกล่าว

 

    เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า บริษัทฯดังกล่าว มีการก่อตั้งตั้งแต่ปี 2542 โดยมี นายฟง เป็นประธานบริษัท ภายหลังนายเจมส์และมารดา ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัท เมื่อประมาณปี 2565 นายเจมส์ พบการทุจริตของบิดาภายในบริษัทฯ จึงได้มีการฟ้องร้องกันไปมาทั้งทางแพ่งและทางอาญา เพื่อเพิกถอนรายชื่อออกจากกรรมการบริษัท รวมกว่า 20 คดี 

 

จนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 พล.ร.ต.ประกายพฤกษ์ ได้สั่งการให้ นายเทวราช (อดีตทหารเรือยศนาวาเอก) นำกลุ่มคนเข้ามาข่มขู่ภายในบริษัท ได้แก่

1.นายฟง
2.พล.ร.ต.ประกายพฤกษ์
3.นายเทวราช 

 

 

   ได้ทำการสมคบคิดกัน ก่อนวางแผนฆ่า นายเจมส์, มารดา และทนายความ โดยติดต่อกลุ่มมือปืนให้ดำเนินการในระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน ทราบตัวมือปืน จึงได้มีการซักถามจนทำให้ทราบว่ามือปืนดังกล่าว รับงานมาจากนายเทวราช เพื่อให้ฆ่านายเจมส์, มารดา และทนายความ เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเรื่องบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย และออกหมายค้น จำนวน 8 จุด

 

 

   เวลาต่อมา วันที่ 22 ธ.ค.66 (วันนี้) กองบัญชาการสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามได้เปิดปฏิบัติการรวบแก๊งจ้างวานฆ่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นทั้งหมด 8 จุด ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพและชลบุรี จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 ราย พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ

 

   จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป