รวบคาเตนท์ มือยิง "น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ" หลังหนีกบดานบนดอยปุย

คืบหน้าคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาอุเทนถวายและครูเจี๊ยบเสียชีวิต  ล่าสุดวันที่19 ธ.ค. 66 ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงกรณีตำรวจสามารถจับกุม นายอนาวิน หรือวิน ผู้ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอดได้ที่ดอยปุย จ.เชียงใหม่ ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคําที่ศูนย์สืบนครบาล

 

 

โดยรายละเอียดการจับกุม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะเดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเองและจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันวันพรุ่งนี้ (20ธ.ค.66) เวลาประมาณ 13.30 น. 

 

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จํานวน 12 คน จากหมายจับ 14 หมาย หลังเปิดปฏิบัติการปิดเมืองล่ามือยิง "น้องหยอด-ครูเจี้ยบ" ครั้งที่ 2 เมื่อวานวันที่ 18 ธ.ค.66  ที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ยังหลบหนีนั้นอยู่ระหว่างติดตามตัวซึ่งหนึ่งในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงขันเปิดเซฟเฮ้าส์และอีกหนึ่งคนทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน โดยผู้ต้องหาทุกคนที่ตำรวจออกหมายจับมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ทุกคน

ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่าจากการสืบสวนทั้งสองหลบหนีอยู่ในพื้นที่ใดแต่ยืนยันว่าตำรวจมีข้อมูลเส้นทางหลบหนีของคนร้ายทั้งหมดไว้เป็นที่เรียบร้อยเชื่อว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ และยืนยันว่า ทางผู้จัดการตำรวจนครบาล ได้กำชับ ให้ชุดสืบสวนนครบาล ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ที่ตำรวจมีการออกหมายจับ เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ทุกคน

   ในส่วนของอาวุธปืนขนาดนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจหาและสอบปากคำผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งเชื่อว่าหากได้ตัวนายวินที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงในครั้งนี้มาทำการสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ก็จะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุว่ามีการนำไปทิ้งหรือซุกซ่อนไว้ที่ใด 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวนยังคงทำการขยายผลตรวจหาว่ายังมีผู้ที่ให้ความร่วมมือในการก่อเหตุในครั้งนี้อีกหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือหรือสนับสนุนในการก่อเหตุในครั้งนี้ ก็จะดำเนินการออกหมายจับและติดตามจับคุมตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด และยังฝากเตือนไปถึงกลุ่มที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ขอให้ดูกรณีนี้เป็นตัวอย่างว่าตำรวจเอาจริงเอาจังในการปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย