เตรียมพร้อมต้อนรับ "พลายศักดิ์สุรินทร์" กลับบ้าน

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมพา "พลายศักดิ์สุรินทร์" 1 ใน 3 ช้างไทยในศรีลังกา กลับไทย ด้วยเครื่องบินขนย้าย Ilyushin IL-76 ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้

พลายศักดิ์สุรินทร์ หรือที่ชาวศรีลังกาเรียกว่า มุทุราชา (Muthu Raja) เป็นช้าง 1 ใน 3 เชือกที่รัฐบาลไทยมอบให้กับรัฐบาลศรีลังกา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เนื่องจากทางศรีลังกาส่งเอกสารขอช้างไทยไปแห่พระบรมสารีริกธาตุ ในงานประจำปี ซึ่งเป็นเวลากว่า 22 ปี กระทั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับเรื่องร้องเรียนจาก องค์การ Rally for Animal Rights & Environment (RARE) ซึ่งเป็นองค์การด้านการพิทักษ์สิทธิสัตว์ในศรีลังกา ถึงการใช้แรงงานอย่างหนัก กับพลายศักดิ์สุรินทร์ และที่ผ่านมาพลายศักดิ์สุรินทร์ไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร มีสภาพผอมโซ ผอมแห้ง เห็นกระดูกหลัง ผิวหนังหยาบ ขาหน้าซ้ายผิดปกติ งอเข่าไม่ได้นานราว 8 ปี มีฝีหนองสะโพกขวาและซ้าย ฝ่าเท้าบางเพราะยืนนานเกินไป

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีการประชุมหารือกับทีมแพทย์ และรัฐบาลศรีลังกา เพื่อที่จะหาทุกวิถีทางพาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับประเทศไทย ซึ่งจากการหารือ และจากการที่ได้ส่งทีมแพทย์ไปยังประเทศศรีลังกา เพื่อประเมินความพร้อมในการเดินทาง โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดว่าจะนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับไทยด้วยเครื่องบินขนย้าย Ilyushin IL-76 ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

โดยเมื่อพลายศักดิ์สุรินทร์กลับประเทศไทย จะมีการส่งไปดูแลสุขภาพที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง จ.ลำปาง ซึ่งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จะเป็นหน่วยงานคัดเลือก ควาญช้างจำนวน 2 คน ที่มีประสบการณ์ในการดูแลช้างสำคัญ เพื่อเดินทางไปกับคณะของกรมอุทยานฯ 6-9 มิ.ย.นี้ และเมื่อ 2 คน กลับถึงไทยก็จะรับผิดชอบในการดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ด้วย

โดยควาญช้างคนแรกคือ นายทรชัยสิทธิ์ ศิริ อายุ 38 ปี ปัจจุบันตำเเหน่งควาญคอพลายยอดเพชร ช้างสำคัญงานโรงช้างต้น เเละเป็นผู้ช่วยหน่วยช่วยชีวิตช้างควบคุมช้างตกมันอาละวาด ซึ่งมีประสบการณ์เป็นควาญช้างมากว่า 10 ปี และนายศุภชัย บุญเกิด อายุ 26 ปี มีประสบการณ์ทำงานกับช้างมา 9 ปี ทำหน้าที่เป็นควาญช้าง ที่เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ในการดูแลรักษาช้างป่วย ที่โรงพยาบาลช้างลำปาง สถาบันคชบาลแห่งชาติ โดยควาญช้างทั้ง 2 คน จะเดินทางไปศรีลังกา เพื่อไปฝึกพลายศักดิ์สุรินทร์"ให้เชื่อฟัง และมีสุขภาพพร้อมที่จะกลับไทย

ที่มา : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช