'บิ๊กโจ๊ก'หารือกรมโรงงานอุตสาหกรรม คุมเข้ม 'ไซยาไนด์

24 พฤษภาคม 2566

"บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" หารือรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม คุมเข้มไซยาไนด์ หลังพบโรงงานต้นเหตุที่จำหน่ายต่อให้ “แอม” นำเข้ามา 1,600 ขวด ก่อนกระจายให้รายย่อย 6 แห่ง พบลอตนี้ถูกนำไปใช้ฆ่าคน 8-9 ราย

'บิ๊กโจ๊ก'หารือกรมโรงงานอุตสาหกรรม คุมเข้ม 'ไซยาไนด์' จ่อหมายจับเพิ่มคดี "แอม"

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าหารือกับ นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดีกรมโรงงาน เกี่ยวกับระเบียบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถึงมาตรการการควบคุมดูแลการนำเข้า ควบคุมและจำหน่ายสารไซยาไนด์ ว่าเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ สืบเนื่องจากกรณีที่นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ไปสั่งซื้อไซยาไนด์ออนไลน์มาก่อเหตุ ซึ่งการหารือในครั้งนี้ จะมาตรวจสอบข้อมูลว่ามีบริษัทหรือโรงงานใดที่สั่งสารดังกล่าวแล้วนำไปจำหน่าย รวมถึงจะมีการหารือถึงข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายความผิดอะไรบ้างในตัวของโรงงานที่นำไปจำหน่ายผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลก่อนหน้านี้พบว่า การดำเนินงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความหละหลวมอย่างมาก และพบช่องโหว่ทั้งในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และตาม พ.ร.บ.ควบคุมวัตถุอันตราย

นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดีกรมโรงงาน

การหารือใช้เวลาหารือ ประมาณ 30 นาที ก่อนที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ จะลงมาให้สัมภาษณ์ ว่า ตอนนี้ทางตำรวจมีข้อมูลและหลักฐานที่เพียงพอในการดำเนินคดีกับโรงงานหรือบริษัทที่จำหน่าย ซึ่งตอนนี้พบเพียง 1 บริษัท ที่เป็นผู้นำสารเข้ามา แต่การจำหน่ายทางกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าห้ามนำไปจำหน่ายต่อ จึงทำให้มีโรงงานและบริษัทรายย่อยจำนวน 6 เจ้า มาซื้อสารดังกล่าวไปจำหน่ายต่อและทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้สาร คือ ใช้เพื่อการวิจัย และเพื่อกิจการโรงงานเท่านั้น
 

จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทที่นำเข้ามา มีการจำหน่ายไปอย่างถูกต้อง จำนวน 1,600 ขวด และยังพบว่า 6 ผู้ค้ารายย่อยซื้อไปจำหน่ายผิดวัตถุประสงค์จำนวนกว่า 100 ขวด ซึ่งในจำนวนนี้มีบางผู้ค้าบางคน จำหน่ายให้ แอม รวมถึงยังพบว่ามีจำหน่ายให้บุคคลทั่วไป เพื่อไปใช้ในการฆ่าตัวตายประมาณ 8-9 รายอีกด้วย

'บิ๊กโจ๊ก'หารือกรมโรงงานอุตสาหกรรม คุมเข้ม 'ไซยาไนด์

โดยหลังจากนี้ตำรวจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปทำรายงานการสืบสวนแล้วส่งต่อกลับมาให้กรมโรงงานเพื่อให้นำไปร้องทุกข์ ดำเนินคดีกับผู้ค้ารายย่อย และโรงงานที่นำเข้า ที่ต้องรับผิดชอบในการจำหน่ายผิดวัตถุประสงค์ ตามข้อหามีไว้ในครอบครอง และจำหน่ายผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งตำรวจมีข้อมูลรายชื่อของผู้ค้ารายย่อยและบริษัทที่นำเข้าทั้งหมดแล้ว ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นตอนนี้ยังไม่สรุปได้ อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม