กุมารแพทย์ ติงแบบเรียน ป.5 "กินข้าวคลุกน้ำปลา" ชี้วิสัยทัศน์น่ากังวล

เรียกว่าเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับแบบเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ระดับชั้น ป.5 ให้ข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิต ผ่านเรื่องราว "ด.ญ.ใยบัว" ที่กินข้าวคลุกน้ำปลา กับไข่ต้มครึ่งซีก ทำโซเชียลวิจารณ์สนั่น ตำหนิคนเขียนไม่ใส่ใจด้านโภชนาการ

โดย แบบเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ ด.ญ.ใยบัว เด็กที่บ้านมีฐานะร่ำรวย มานั่งตัดพ้อชีวิตกับ "ข้าวปุ้น" เพื่อนรักที่โรงเรียนว่าอยากตาย หลังจากพ่อแม่ไม่เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ให้ เพราะเห็นว่าสิ้นเปลือง ข้าวปุ้นจึงชวนเพื่อนไปที่บ้านเด็กกำพร้าที่เธออาศัยอยู่ เพื่อให้เพื่อนไปเรียนรู้ชีวิตที่แตกต่าง เผื่อจะเปลี่ยนความคิด และเห็นคุณค่าของชีวิตมากยิ่งขึ้น

ส่วนประเด็นที่กลายวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็คือ การบรรยายการกินอาหารของเด็กภายในบ้านข้าวปุ้น ที่ระบุว่า "เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนนั่งล้อมวงเป็นวงใหญ่ กับข้าวแบ่งเป็น 2 ชุด จานแรกเป็นผัดผักบุ้ง จานที่ 2 เป็นไข่ต้มผ่าครึ่งตามจำนวนคน โดยแต่ละคนตักผักบุ้งพอรับประทาน และไข่ต้มคนละซีก..." ทั้งนี้ในเนื้อหา ข้าวปุ้นยังได้แนะนำให้ใยบัว ใช้ช้อนบี้ไข่กับข้าว และเหยาะน้ำปลา เพื่อให้กินกับและข้าวได้อย่างพอดีกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้าน นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ ได้โพสต์ให้ข้อมูลความรู้ทางโภชนาการว่า "ไข่ครึ่งซีก+ข้าวคลุกน้ำปลาอร่อยที่สุดในโลก" โภชนาการวัยเรียนแบบนี้ได้จริงๆหรือ สิ่งสำคัญในอาหารที่เด็กควรได้ ไม่ใช่เรื่องของ “พลังงาน” หรือ แค่อิ่มท้องอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญนั่น คือ “โปรตีน” ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของ สมอง กล้ามเนื้อ และการทำงานของ เอนไซม์ในระบบต่างๆของร่างกาย

ยังมีเรื่องของ วิตามิน แร่ธาตุที่สำคัญ ที่ไม่ควรขาดในเด็กอีก อาหารจึงไม่ใช่เพียง “แค่อิ่มท้อง” หรือ “แค่อร่อยปาก” แต่อาหารที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้าง การเจริญเติบโต พัฒนาการทางสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าวิสัยทัศน์มีเพียง แค่ “อิ่มท้อง” “สุขใจ” แต่ไม่มองให้เห็นถึงสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กของเรา นี่คือเรื่องน่ากังวลมากๆ สำหรับ “อนาคตของชาติ” ภายใต้การกำหนดทิศทางการศึกษาจากคนบางกลุ่มที่ยังล้าหลังของบ้านเราแบบนี้"

ขอบคุณข้อมูล มาดามแคชเมียร์ , Jiraruj Praise