เปิดข้อมูลชัด หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด "จ้อปูไส้ทะลัก" ประกาศให้เลิกกินทันที

21 ธันวาคม 2565

"อ.เจษฎ์" ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ "อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ" หลังจากเห็นแม่ค้าใช้เชือกฟางรัด "จ้อปูไส้ทะลัก"

โดยทางด้าน "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูล หลังพบอาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติกมีสารเคมีอันตราย โดยระบุข้อความว่า 

เปิดข้อมูลชัด หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด "จ้อปูไส้ทะลัก" ประกาศให้เลิกกินทันที

"อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ"

ไปเจอคลิปติ๊กต๊อกอันนี้มา นับว่าเป็นเรื่องดีเลยครับ คือเป็นของร้านที่ทำ "จ้อปูไส้ทะลัก" ขาย ซึ่งก่อนนี้เค้าใช้เชือกฟาง (ซึ่งก็ทำจากพลาสติกย้อมสี) มามัดจ้อปูก่อนเอาไปนึ่ง และลูกค้าก็มาคอมเม้นต์ว่า "เจอ เชือกฟาง เลิกอยากกินทันที" .... ทางแม่ค้าที่ร้านเลยเปลี่ยนไปใช้เชือกธรรมดา ฝึกผูกแทน ได้รับเสียงชืนชมจากลูกค้าอย่างมากเลยครับ

ซึ่งการเอาเชือกพลาสติก มารัดอาหารก่อนไปให้ความร้อนนั้น ผมเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าไม่ควรทำ ตอนที่โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง "ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดผักต้ม" ครับ .... ดังนั้น ก็หวังว่าร้านอาหารอื่นๆ น่าจะเอามาเป็นแบบอย่างนะครับ

เอาบทความเก่าเรื่อง หนังยางวงรัดผักต้ม มารีโพสต์ให้อ่านกันครับ

(บทความเก่า) ล่าสุด ทางด้านอ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้ออกมาเปิดเผยและเตือนเกี่ยวกับการใช้หนังยางรัดผักต้ม แล้วลงไปต้ม ลงไปลวก อันตรายอาจจะเกิดโรคร้าย โดยได้โพสต์ระบุว่า...

ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดอาหารลงไปต้ม ได้รับคำถามมาจากนักข่าวช่อง PPTV ว่า ที่มีคำเตือนเกี่ยวกับการห้ามเอา "หนังยางวง" มารัดผัก รัดอาหาร ลงไปต้มในน้ำเดือด เช่น พวกผักต้มขายคู่กับน้ำพริกตามตลาดนัด เนี่ย มันอันตรายจริงใช่มั้ย ?

คำตอบก็คือ "จริง" ครับ ในหนังยางวง มีสารเคมีอันตรายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อยู่หลายชนิด จึงไม่ควรเอาไปต้มให้โดนความร้อนโดยตรง แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยก็ตามครับ

โดยเรื่องนี้ อาจารย์อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เคยอธิบายไว้ในรายการข่าวเที่ยงช่องวัน (ดูลิงค์ด้านล่าง) ว่า หนังยางวงนั้น ทำจากยางพารา แล้วบดอัดผสมกับสารเคมีหลายชนิด เช่น พวกซัลเฟอร์ (กำมะถัน) เพื่อทำให้หนังยางมีความเหนียวและทนทาน แต่เมื่อถูกความร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส (เช่น ในน้ำต้มเดือด) จะทำให้สารเคมีในหนังยางปนเปื้อนมากับอาหารได้ หากกินเข้าไปจำนวนมาก หรือมีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน จะเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

 

สอดคล้องกับที่เพจ "เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว" ได้เคยอธิบายไว้โดยละเอียด สรุปได้ดังนี้

- หนังยางทำจากยางพาราธรรมชาติ แต่ก็มีสารเติมแต่ง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าสัมผัสกับอาหารที่ได้รับความร้อนโดยตรง

- ในกระบวนการผลิตนั้น จะมียางก้อนที่ได้จากต้นยางพารา แล้วใช้สารเคมีอื่น มาทำการเชื่อมขวาง (ครอสลิงค์ crosslink) เพื่อให้ใช้งานได้ในอุณหภูมิที่กว้างมากขึ้น และมีสมบัติเชิงกล (mechanical properties) ที่ดีขึ้น

- การครอสลิงค์ยางพารา หรือที่มีชื่อเฉพาะว่า “การวัลคาไนซ์” (vulcanization) มักใช้กำมะถัน (ซัลเฟอร์) เป็นตัวเชื่อมขวาง ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี จากพันธะไดฟอสไฟด์ (disulfide bond (ในรูปของ -S-S-) หรือพันธะโพลีฟอสไฟด์ (polysulfide bond)

- นอกจากจะใช้กำมะถันแล้ว ยังมีการใช้สารกระตุ้นและสารเร่งปฏิกิริยา ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) /สารประกอบไดไธโอคาร์บาเมต (dithiocarbamate)/ ไธอาโซล (thiazole) /และไทยูแรม (thiuram)

- ไขมันในอาหารและความร้อนจากการประกอบอาหาร สามารถทำละลายสารต่างๆ เหล่านี้ ให้ออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ง่าย จึงควรต้องแกะหนังยางออกจากอาหารก่อน ที่จะนำไปประกอบอาหาร ไม่ให้หนังยางสัมผัสกับอาหารที่มีความร้อนโดยตรง

ปล. พวกเชือกฟาง จริงๆ ทำจากพลาสติกผสมสีครับ สารเคมีต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะละลายออกมาด้วยน้ำและไขมันร้อนๆ ได้ จึงไม่ควรเอามารัดอาหารลงไปต้มไปทอดเช่นกันครับ

เปิดข้อมูลชัด หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด "จ้อปูไส้ทะลัก" ประกาศให้เลิกกินทันที

 

ติดตามข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ Tnews