พระราชประวัติสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

09 กันยายน 2565

พระราชประวัติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระชนมายุมากที่สุดของบริเตน

เมื่อเวลา 00.32 น. วันศุกร์ (9 ก.ย.65) สร้างความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีรายงานว่า ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคตแล้ว สิริพระชนมพรรษา 96 พรรษา ณ พระราชวังบาลมอรัล สกอตแลนด์ ทรงครองสิริราชสมบัติได้ 70 ปี พระราชประวัติ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร 

พระราชประวัติ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

พระราชประวัติสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร นั้น พระองค์เป็นพระราชธิดาพระองค์เเรกของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 เเละสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ.1926 ณ บ้านเลขที่ 17 ถนนบรูตัน เมย์เเฟร์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

หลังจาก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาสวรรคต ในคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 เจ้าหญิงเอลิซาเบธ อเล็กซานดรา แมรี แห่งยอร์ก จึงเสด็จขึ้นครองราชย์ ในขณะที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระองค์มีพระชนมายุ 25 พรรษา

พระราชประวัติ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

 

"สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2" เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระชนมายุมากที่สุดของบริเตน เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2015 พระองค์เป็นประมุขแห่งรัฐบริเตนที่ทรงราชย์นานที่สุด แซงหน้ารัชกาลของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ผู้เป็นพระมารดาของพระปัยกา (ทวด) ของพระองค์ และเป็นพระราชินีนาถที่ทรงราชย์นานที่สุดในประวัติศาสตร์

 ประวัติควีนเอลิซาเบธที่ 2 อภิเษกสมรสกับ "เรือโทฟิลลิปส์ เมาท์แบทเท็น" (ต่อมาคือเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ) โดยพระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1947

พระราชประวัติ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มีพระราชโอรส ธิดาประกอบด้วย
- เจ้าชายชาลส์ ซึ่งปัจจุบันทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น "เจ้าชายแห่งเวลส์" ประสูติเมื่อปี 1948
- เจ้าหญิงแอนน์ ประสูติเมื่อปี 1950 ซึ่งปัจจุบันทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น "ราชกุมารี"
- เจ้าชายแอนดรูว์ ประสูติเมื่อปี 1960 ปัจจุบันทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น "ดยุกแห่งยอร์ก"
- เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ซึ่งประสูติในปี 1964 ปัจจุบันดำรงพระอิสริยยศเป็น "เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์"

 

ภาพจาก The Royal Family

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews