บีบหัวใจ "พ่อน้องฟิล์ม" ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย "ช้างสุพรรษา" เพื่อนซี้ลูกสาว

05 กันยายน 2565

"พ่อน้องฟิล์ม" ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย "ช้างสุพรรษา" ช้างเพื่อนซี้ลูกสาว ลั่นพี่ฟิล์มจากไปแล้ว ผมไม่เหลืออะไรแล้วครับ

บีบหัวใจ "พ่อน้องฟิล์ม" ร่ำไห้บอกข่าวร้าย "ช้างสุพรรษา" คู่ซี้ลูกสาว จากกรณี น้องฟิล์ม นักเรียนหญิงชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หมดสติปริศนาในป่า หลังวิ่งหนีครูฝ่ายปกครองเพราะไม่เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าหัวใจล้มเหลว ขณะที่ต่อมาครูฝ่ายปกครองได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ เข้าไปเห็นน้องฟิล์มหมดสติในป่า จึงพยายามอุ้มน้องออกจากป่าแล้วนำส่งโรงพยาบาล แต่ที่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบทันที เพราะไม่รู้เด็กชื่ออะไร 

 

บีบหัวใจ พ่อน้องฟิล์ม ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย ช้างสุพรรษา เพื่อนซี้ลูกสาว

 

  นอกจากนี้ยังพบว่า น้องฟิล์ม เป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังคนหนึ่งอีกด้วย โดยมีช่องยูทูบชื่อว่า FAMILY SRITHAPTHAI มักจะโพสต์คลิปวิดีโอที่น้องฟิล์มเล่นกับช้างที่ชื่อ "เจ้าสุพรรษา" ช้างวัย 3 ปี ของพ่อน้องฟิล์ม ซึ่งน้องฟิล์มได้เลี้ยงและคลุกคลี ด้วยกันมาโดยตลอด ด้านชาวเน็ตที่ทราบข่าวต่างพากันร่วมแสดงความเห็นใจกับครอบครัว และสงสารน้องเพราะยังอยู่ในวัยที่จะต้องมีอนาคตไกล

  บีบหัวใจ พ่อน้องฟิล์ม ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย ช้างสุพรรษา เพื่อนซี้ลูกสาว
 

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา พ่อของน้องฟิล์ม ได้ไลฟ์ระหว่างเก็บเสื้อผ้าไปให้ลูกสาว โดยช่วงหนึ่งไลฟ์ได้เข้าไปพูดคุยร่ำไห้กับ ช้างสุพรรษา บอกเรื่องราวการจากไปของลูกสาวสุดที่รัก โดยระบุว่า 


"รู้ไหมลูก พี่ฟิล์มไปแล้ว พี่ฟิล์มไปแล้วพรรษา พี่ฟิล์มจากไปแล้ว ผมไม่เหลืออะไรแล้วครับ ไม่เหลือแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ ไม่เหลือใครแล้ว แก้วตาดวงใจของผม มันเร็วเกินไปไหมครับ คุณพ่อตั้งตัวไม่ทัน น้องฟิล์มเสียตั้งแต่เมื่อวาน 4 โมงกว่า ช็อกกะทันหัน ปั๊มหัวใจไม่ทันแล้วสิ้นลม ยังไม่ทราบสาเหตุ ต่อไปคงไม่เหลืออะไรแล้ว มีแต่ความทรงจำ ปิดฉากน้องฟิล์ม ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรทั้งสิ้น เหมือนน้องนอนหลับไป น้องเป็นคนอดทน ไม่เคยบ่นให้พ่อฟังว่าปวดเมื่อยอะไรตรงไหน เราทำช่องกันมา สู้กันมา ดวงใจของพ่อ"

บีบหัวใจ พ่อน้องฟิล์ม ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย ช้างสุพรรษา เพื่อนซี้ลูกสาว

บีบหัวใจ พ่อน้องฟิล์ม ร่ำไห้โฮแจ้งข่าวร้าย ช้างสุพรรษา เพื่อนซี้ลูกสาว



 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews