งานเข้า "พิธีกรดัง" หลัง ราชทัณฑ์ จ่อฟ้อง ปมอ้างมีคุกวีไอพี คดีพิ้งกี้

02 กันยายน 2565

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าจ่อฟ้องพิธีกรรายการดัง หมิ่นประมาท กล่าวหาให้อภิสิทธิ์ผู้ต้องขังคดี Forex-3D อยู่สบาย มีโทรศัพท์ใช้

จากกรณีที่ วันที่ 2 ก.ย.2565 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีที่หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ “แฉ” ทางสถานีโทรทัศน์ GMM 25 ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2565 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้มีการกล่าวพาดพิงถึงกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับการควบคุมดูแลผู้ต้องขังคดี Forex-3D ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ว่า มีสภาพความเป็นอยู่ที่สุขสบายและสามารถใช้โทรศัพท์ภายในเรือนจำได้นั้น

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าจ่อฟ้องพิธีกรรายการดัง หมิ่นประมาท
 

ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการควบคุมดูแล และการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ซึ่งแนวทางและนโยบายของกรมราชทัณฑ์ในปัจจุบันยังคงถือระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิได้ให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตามที่สังคมเข้าใจแต่อย่างใด รวมถึงการใช้เครื่องมือสื่อสาร กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ไม่มีการให้ผู้ต้องขังคนใดมีเครื่องมือสื่อสาร หรือโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ภายในเรือนจำอย่างแน่นอน โดยกรมราชทัณฑ์มีมาตรการเข้มงวดในเรื่องของการจู่โจมตรวจค้นอย่างจริงจัง รวมถึงมีบทลงโทษที่ชัดเจนกับผู้กระทำผิด

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าจ่อฟ้องพิธีกรรายการดัง หมิ่นประมาท

 

 

อีกทั้งการกล่าวอ้างว่ามีผู้ต้องขังบางรายได้รับสิทธิพิเศษได้อยู่อย่างสุขสบายเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่น ๆ นั้น ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม เสมอภาค ตามหลักสิทธิมนุษยชน จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำกล่าวอ้าง หรือคำบอกเล่าที่ไม่เป็นความจริง  นายอายุตม์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวพาดพิงและหมิ่นประมาทกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการนำข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยมีการเผยแพร่เป็นแบบสาธารณะทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับฟังข่าวสารเกิดความเข้าใจผิด และสงสัยในการทำงานของกรมราชทัณฑ์

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าจ่อฟ้องพิธีกรรายการดัง หมิ่นประมาท

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 14 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews