"ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติเอกฉันท์ สั่ง "ประยุทธ์" หยุดปฏิบัติหน้าที่

24 สิงหาคม 2565

"ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติเอกฉันท์ 5:4 ลงมติรับคำร้องปม "นายกฯ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

วันนี้ชี้ชะตา  24ส.ค.65 "8 ปีประยุทธ์" คืบหน้าล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 5 ต่อ 4  รับคำร้องฝ่ายค้าน "8ปีนายกฯประยุทธ์" ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างรอคำวินิจฉัย คาดกระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 65 นี้

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สั่ง ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่

รายงานล่าสุดจาก"เนชั่นออนไลน์ "เผย คำร้องของสมาชิกรัฐสภาที่เข้าชื่อเสนอมายังศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า 1.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ"พล.อ.ประยุทธ์" เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน  2.รัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สั่ง ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมเเถลงวันนี้ เปิด3 แนวทางชี้ชะตา "8 ปี ประยุทธ์"
"จตุพร พรหมพันธุ์" ปักหลักเคาท์ดาวน์ จับตาเที่ยงคืนหมดเวลา "พล.อ.ประยุทธ์"
เปิดภาพบรรยากาศม็อบผู้ชุมนุม ขีดเส้นตาย "ไล่นายกฯ" ปมครบวาระ 8 ปี

โดยให้นับระยะเวลาต่อเนื่องและมิได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น  3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2561 และ 7/2562 กรณีมาตรา 264 ให้รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องอยู่ในบังคับของรัฐธรรมนูญ 2560 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-5/2550 และ 24/2564 เรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังสามารถทำได้หากมิใช่โทษทางอาญา และ  4.เจตนารมณ์ของการจำกัดระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สั่ง ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของสมาชิกรัฐสภาเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย พร้อมกับ มีมติ 5 ต่อ 4 สั่งให้ผู้ถูกร้องคือ "พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา" หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.นี้เป็นต้นไป เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย  

 

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สั่ง ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews