ดร.เฟือง กล่าวคำสาปแช่งไทย หลังทหารไทยยึดปราสาทตาควายคืนสำเร็จ

ภายหลังจากกองทัพไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่และยึดคืน ปราสาทตาควาย จากกองกำลังกัมพูชาได้สำเร็จ โดยยืนยันว่าปฏิบัติการทั้งหมดดำเนินไปภายใต้การเปิดทางเต็มรูปแบบเพื่อความมั่นคง และจะมีการบูรณะโบราณสถานในภายหลัง ล่าสุดฝั่งกัมพูชาได้ออกมาแสดงท่าทีตอบโต้ทางวาทกรรมอย่างรุนแรง

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ดร. เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะของกัมพูชา ได้ขึ้นกล่าวในงานระดมทุนเพื่อช่วยเหลือวีรบุรุษสงครามและผู้ลี้ภัยจากเหตุปะทะชายแดน โดยมีการพาดพิงถึงประเทศไทยและสถานการณ์บริเวณปราสาทตาควายอย่างชัดเจน

ดร.เฟือง ระบุในช่วงหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์ว่า ผู้ใดก็ตามที่ทำลายโบราณสถานซึ่งถือเป็นผลงานของเทพเจ้าและเป็นมรดกทางวัฒนธรรม จะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาหัส พร้อมกล่าวถึงคำสาปแช่งตามความเชื่อโบราณว่า ผู้กระทำจะต้องตกอยู่ในนรกหมกไหม้หลายชั้นตราบจนสิ้นกาลเวลา

 

รัฐมนตรีวัฒนธรรมกัมพูชายังกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็น “บทเรียนทางประวัติศาสตร์” ที่ชาวกัมพูชาจะต้องจดจำและถ่ายทอดให้กับลูกหลาน เพื่อย้ำถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมและอธิปไตยของชาติ

นอกจากนี้ เธอยังเรียกร้องให้ประชาชนชาวกัมพูชาทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ให้การสนับสนุนและไว้วางใจการทำงานของผู้นำประเทศในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน

ในโอกาสเดียวกัน ดร.เฟือง ได้กล่าวขอบคุณประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือทหาร ผู้ลี้ภัย และผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง โดยย้ำว่าความสามัคคีของชาวกัมพูชาจะเป็นพลังสำคัญในการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้