ไมโครซอฟต์ ปลดพนักงานเกือบ 1,000 ตำแหน่ง หลังโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานหนัก

20 ตุลาคม 2565

บริษัทซอฟต์แวร์ - ผู้ผลิตสินค้าไอทีระดับโลกไมโครซอฟต์ ปลดพนักงาน รวมทั้งหมดเกือบ 1,000 ตำแหน่ง เซ่นพิษเศรษฐกิจ ...

บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ผลิตสินค้าไอทีระดับโลก อย่างไมโครซอฟต์ ได้ปลดพนักงานในหลายๆ แผนก รวมทั้งหมดเกือบ 1,000 ตำแหน่ง โดยแผนกที่ถูกปลดพนักงานมากที่สุดคือแผนก Xbox  หรือแผนกเครื่องเล่นวิดีโอเกมของไมโครซอฟต์ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ, แผนกกฎหมาย, แผนก Experiences and Devices และแผนกกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี

ซึ่งพนักงานที่ถูกปลดไม่ได้มีแค่พนักงานที่อยู่ตำแหน่งล่างๆ เท่านั้น แต่ตามรายงานบอกว่า พนักงานที่มีตำแหน่งสูงๆ ก็ถูกเลิกจ้างหลายคนเหมือนกัน อย่าง เคซี เลมสัน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กลุ่ม และ เกร็ก แชปแมน ที่เป็นสถาปนิก ก็ออกมายืนยันว่าพวกเขาคือหนึ่งในพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง และการปลดพนักงานไมโครซอฟต์ก็เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น

 

ไมโครซอฟต์ ปลดพนักงานเกือบ 1,000 ตำแหน่ง หลังโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานหนัก

 


 

โฆษกของไมโครซอฟต์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่าการเลิกจ้างพนักงานเป็นเรื่องจริง จากการคาดการณ์ว่ารายได้จะลดลง เนื่องจากยอดขายลิขสิทธิ์ Windows  สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ลดลง 

ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์เริ่มส่งสัญญาณการเงินของบริษัทมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว แล้วก็มีการชะลอการจ้างพนักงานใหม่สำหรับแผนก Microsoft Windows และ Microsoft Office เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยให้เหตุผลว่าที่ยังไม่รับพนักงานใหม่เข้ามา เพื่อจัดสรรพนักงานที่มีอยู่ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก่อน ส่วนสาเหตุการปลดพนักงานออกครั้งนี้เกือบ 1,000 คน ไมโครซอฟต์ บอกว่าเพื่อที่จะโฟกัสในธุรกิจที่มีการเติบโต และไมโครซอฟต์จะยังคงลงทุนในธุรกิจนี้ต่อไป 

 

ไมโครซอฟต์ ปลดพนักงานเกือบ 1,000 ตำแหน่ง หลังโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานหนัก

จริงๆ แล้ว ตลอดปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟต์ได้ปลดพนักงานไปหลายครั้งแล้ว รวมแล้วทั้งหมดในปีนี้ เลิกจ้างพนักงานไปแล้ว 44,000 คน ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ปี 2022 ยังคงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับ บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก อย่างบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น กูเกิล, เมตา และ แอปเปิล ก็มีการชะลอการจ้างงาน และเลิกจ้างงานเหมือนกัน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก ทั้งจากปัญหาเงินเฟ้อ และวิกฤตพลังงานในยุโรป

 

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ tnews