ยึดทรัพย์ 1.5พันล้าน แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ทุนคริปโต รวบหญิงจีนนายหน้าอสังหาฯ

    สอท. แถลงสรุปปฎิบัติการตัดวงจรภัยออนไลน์ ปูพรม 29 จุด ใน 3 จังหวัดกรุงเทพ ปทุมธานีและชลบุรี เปิด 2 ยุทธการ ทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ล่าลวงหลอก-ตัดวงจรทุนคริปโตยึดทรัพย์กว่า 1500 ล้าน เงินสด-รถโรลส์รอยซ์ มูลค่า 36 ล้านบาท,รถยนต์เลกซัส, ฮัลพาร์ท, รถเบนซ์ โฉนดที่ดิน บ้านหรู  รวบหญิงชาวจีนนายหน้าอสังหาฯ จัดหาทรัพย์ให้กลุ่มทุนจีน ขณะที่เคสคอลเซ็นเตอร์บุกรวบม้ากดเงินชาวพม่า  ด้านผู้ช่วยเลขาธิการปปง.เตรียมเสนอเรื่องคืนทรัพย์ผู้เสียหาย

   17 ส.ค.66 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นคร ผู้บัญชาการ สอท. ได้เปิดการแถลงข่าว “Trust No One EP.4” หรือ ปฏิบัติการตัดวงจรทุนคริปโต ณ อาคารประชุมสัมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)

สืบเนื่องจากทาง บก.สอท. ได้รับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ เกี่ยวกับคดีหลอกลงทุนไฮบริดสแกม ซึ่งคนร้ายได้มีการใช้โปรไฟล์ปลอมเข้าตีสนิทผู้เสียหายผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ก่อนจะมีการชักชวนให้ร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสำหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัล ส่งผลให้มีผู้เสียหายรวมกว่า 20,000 คดีเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งทราบว่าคนร้ายมีการดำเนินการอยู่ที่ต่างประเทศ จึงได้มีการประสานร่วมกันกับหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ (Homeland Sercurity Investigation) ก่อนจะสามารถเชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริงได้ในที่สุด

สำหรับคนร้ายทราบชื่อคือ นายซู (Mr.Shaoxian Su) สัญชาติจีน พักอยู่บ้านหรูราคา 67 ล้านบาท โครงการหมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ ก่อนจะนำมาสู่ปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลก เข้าตรวจค้นและตรวจสอบบ้านพักหรูหลังดังกล่าว ซึ่งก็สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้พร้อมของกลาง อาทิเช่น รถหรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, ทองรูปพรรณและเงินสด รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ก่อนจะมีการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องจนปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำผิดรายอื่นๆ เพิ่มเติมซึ่งได้มีการรายงานการปฏิบัติการไปก่อนหน้า

    จนกระทั่งในวันนี้ (17 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้เปิดปฏิบัติการ Trust No One EP.4 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า โดยมีการตรวจค้นทั้งในกรุงเทพฯ ,ปทุมธานีและชลบุรี รวมทั้งสิ้นกว่า 29 จุด รวมทั้งมีการขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 รายได้แก่

1. นางสาวเฝิงเฟย ไช่ (MS.PENGFEI CAI) สัญชาติจีน อายุ 31 ปี

2. นายอาบิน เย่ (MR.YE ABIN) สัญชาติจีน อายุ 41 ปี

   ซึ่งจากการตรวจค้น 29 จุด ก็สามารถจับกุมนางสาวเฝิงเฟย ไช่ ได้ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. ในความผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลมีความบิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยนางสาวเฝิงเฟย ไช่ มีความเกี่ยวข้องเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มีลูกค้าเป็นคนจีนเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้สามารถมีการตรวจยึดทรัพย์สินและพยานหลักฐานได้กว่า 100 รายการ อาทิเช่น บ้าน รถยนต์  รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท

รวมปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้งสามารถยึดทรัพย์สินได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ บช.สอท. จะได้ทำการประสานไปยัง ปปง. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเฉลี่ยทรัพย์คืนแก่ผู้เสียหายต่อไป