เกาะติดเลือกตั้ง "Nation Election 2569" จุดเปลี่ยนประเทศไทย

15 ธ.ค.68 เนชั่นกรุ๊ป พร้อมด้วยสื่อในเครือ 10 สื่อ และภาคีพันธมิตร อย่าง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) สถาบันพระปกเกล้า สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ทรงคุณวุฒิ และสถาบันทางวิชาการต่างๆ  จัดงานแถลงข่าว Nation Election 2569 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” นำโดยคณะผู้บริหารเนชั่น กรุ๊ป นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป พร้อมด้วยนายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป และนายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการ เนชั่น กรุ๊ป

ประเทศไทยเดินทางมาสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เมื่อรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีมติยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568นั่นเท่ากับว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งช่วงต้นปี 2569ท่ามกลางความท้าทายทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคงระหว่างประเทศ

การเลือกตั้งในสภาวการณ์ที่ภายในประเทศ ยังเผชิญความเหลื่อมล้ำสูง เศรษฐกิจปี 2569 คาดว่าจะย่ำแย่กว่าเดิม ขณะเดียวกันการต่อสู้ เชิงอำนาจทางการเมืองไทยรุนแรงมากขึ้น แต่ละฝ่ายไม่ต้องการเป็นผู้พ่ายแพ้ เพราะชะตากรรมมีบทเรียนให้เห็นเกิดขึ้นกับบางกลุ่มแล้ว

 

ขณะเดียวกัน ปัจจัย ‘ภายนอก’ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่ได้ลดน้อยลง ตรงข้ามกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น  อีกทั้งมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาพยายามเข้ามามีบทบาทในฐานะ ‘คนกลาง‘ เพื่อให้ยุติความขัดแย้ง  ซึ่งอาจนำไปสู่ความซับซ้อนในเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้ผลลัพธ์นั้นยากต่อการคาดเดา

การเลือกตั้งภายใต้บริบทดังกล่าว จึงถือเป็น‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญ ที่อาจจะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สดใสขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ แต่อีกด้านชายแดนยังปะทะกันหนักหน่วง ประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมส่งผลและเป็นตัวแปรโดยตรงต่อการเลือกตั้ง นอกจากนี้การช่วงชิงอำนาจที่รุนแรงขึ้น และแต่ละฝ่ายต่างงัดอาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างระหว่างกัน 

 

ด้วยเดิมพันที่สูง การเลือกตั้งที่หวังผลชัยชนะเพื่อเป็นผู้กำหนดเกม ย่อมรุนแรงดุเดือดมากขึ้น กลโกงการเลือกตั้งอาจจะต้องงัดมาทุกรูปแบบ ทั้งการใช้เงินและเครื่องมือ กลไกข้าราชการ ตำรวจ ทหาร  รวมถึงองค์กรอิสระ
การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็น‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’

เนชั่นในฐานะองค์กรสื่อที่ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยมากว่า 55 ปี และยืนบนความคาดหวังของสังคมในทุกเหตุการณ์สำคัญและในทุกวิกฤต พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังนำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย รอบด้าน และน่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ในการร่วมกำหนดอนาคตตนเองและประเทศชาติ

โดยเป้าหมายหลักของโครงการคือ Clean Election ‘การเมืองโปร่งใส รับผิดชอบ ตรวจสอบได้’เนชั่นทำหน้าที่จุดไฟในเรื่องการเมืองสะอาดและสุจริตด้วยการผนึกกำลังภาคีเครือข่ายพันธมิตร อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), สถาบันพระปกเกล้า, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ผู้ทรงคุณวุฒิ และสถาบันทางวิชาการต่างๆ ร่วมกันผลักดันการเลือกตั้งที่โปร่งใสเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบและสร้างความเข้าใจโดยใช้ทุกแพลตฟอร์มสื่อในเครือเป็นกลไกขับเคลื่อน เพื่อบรรลุการเลือกตั้งที่ยุติธรรม เลือกผู้นำที่พร้อมพาประเทศก้าวเดินต่อไป

ประเทศไทยเดินทางมาสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เมื่อรัฐบาล ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’นายกรัฐมนตรี มีมติยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568นั่นเท่ากับว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งช่วงต้นปี 2569ท่ามกลางความท้าทายทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคงระหว่างประเทศ

การเลือกตั้งในสภาวการณ์ที่‘ภายใน’ประเทศ ยังเผชิญความเหลื่อมล้ำสูง เศรษฐกิจปี 2569 คาดว่าจะย่ำแย่กว่าเดิม ขณะเดียวกันการต่อสู้ เชิงอำนาจทางการเมืองไทยรุนแรงมากขึ้น แต่ละฝ่ายไม่ต้องการเป็นผู้พ่ายแพ้ เพราะชะตากรรมมีบทเรียนให้เห็นเกิดขึ้นกับบางกลุ่มแล้ว
ขณะเดียวกัน ปัจจัย ‘ภายนอก’ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่ได้ลดน้อยลง ตรงข้ามกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น  อีกทั้งมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาพยายามเข้ามามีบทบาทในฐานะ ‘คนกลาง‘ เพื่อให้ยุติความขัดแย้ง  ซึ่งอาจนำไปสู่ความซับซ้อนในเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้ผลลัพธ์นั้นยากต่อการคาดเดา

การเลือกตั้งภายใต้บริบทดังกล่าว จึงถือเป็น‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญ ที่อาจจะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สดใสขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ แต่อีกด้านชายแดนยังปะทะกันหนักหน่วง ประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมส่งผลและเป็นตัวแปรโดยตรงต่อการเลือกตั้ง นอกจากนี้การช่วงชิงอำนาจที่รุนแรงขึ้น และแต่ละฝ่ายต่างงัดอาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างระหว่างกัน 
ด้วยเดิมพันที่สูง การเลือกตั้งที่หวังผลชัยชนะเพื่อเป็นผู้กำหนดเกม ย่อมรุนแรงดุเดือดมากขึ้น กลโกงการเลือกตั้งอาจจะต้องงัดมาทุกรูปแบบ ทั้งการใช้เงินและเครื่องมือ กลไกข้าราชการ ตำรวจ ทหาร  รวมถึงองค์กรอิสระ

การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็น‘จุดเปลี่ยนประเทศไทย’

• เป้าหมายและพันธกิจ

เนชั่นในฐานะองค์กรสื่อที่ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยมากว่า 55 ปี และยืนบนความคาดหวังของสังคมในทุกเหตุการณ์สำคัญและในทุกวิกฤต พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังนำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย รอบด้าน และน่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ในการร่วมกำหนดอนาคตตนเองและประเทศชาติ

โดยเป้าหมายหลักของโครงการคือ Clean Election ‘การเมืองโปร่งใส รับผิดชอบ ตรวจสอบได้’เนชั่นทำหน้าที่จุดไฟในเรื่องการเมืองสะอาดและสุจริตด้วยการผนึกกำลังภาคีเครือข่ายพันธมิตร อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), สถาบันพระปกเกล้า, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ผู้ทรงคุณวุฒิ และสถาบันทางวิชาการต่างๆ ร่วมกันผลักดันการเลือกตั้งที่โปร่งใสเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบและสร้างความเข้าใจโดยใช้ทุกแพลตฟอร์มสื่อในเครือเป็นกลไกขับเคลื่อน เพื่อบรรลุการเลือกตั้งที่ยุติธรรม เลือกผู้นำที่พร้อมพาประเทศก้าวเดินต่อไป