ปฏิรูปงบน้ำครั้งใหญ่ เสนอ 6 หมื่นล้าน สร้างระบบรับมือน้ำท่วม

หน่วยงานน้ำเสนอปฏิรูปงบ 6 หมื่นล้าน เปลี่ยนจากโครงการเล็กสู่โครงสร้างใหญ่ รับมือวิกฤตน้ำท่วม–ภัยแล้ง วางระบบป้องกันประเทศระยะยาว
หน่วยงานบริหารจัดการน้ำของไทยออกมาเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณการบริหารจัดการน้ำครั้งใหญ่ หวังยกระดับระบบรับมือภัยพิบัติหลังประเทศเผชิญน้ำท่วมรุนแรงหลายปีซ้อน โดยชี้ว่าการกระจายงบไปยังโครงการขนาดเล็กจำนวนมากทำให้การวางแผนระยะยาวล่าช้า และไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันน้ำท่วมอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญต่อ การบริหารจัดการน้ำ และความมั่นคงของประเทศในอนาคต
ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้งบด้านน้ำรวมกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นงบแผนบูรณาการราว 60,000 ล้านบาท และงบชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม–ภัยแล้งอีก 40,000–50,000 ล้านบาทต่อปี เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานหลัก เช่น กรมชลประทาน, สทนช., สภาพัฒน์ และกระทรวงการคลัง ได้หารือร่วมกันเพื่อเสนอโครงสร้างงบประมาณใหม่สำหรับปี 2570
ข้อเสนอสำคัญคือให้ปรับแผนงบประมาณ บริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ มุ่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระยะยาว แทนการแตกย่อยเป็นโครงการเล็กที่มักขับเคลื่อนด้วยการเมือง พร้อมระบุว่ายุทธศาสตร์เชิงโครงสร้างคือกุญแจสำคัญในการรับมือภัยน้ำท่วมที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
การจัดทำแผนปี 2570 อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) โดยตั้งเป้าลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน พร้อมวางแผนโครงการเร่งด่วนตามพื้นที่เสี่ยงสูง ทั้งยังต้องสอดคล้องกับ แผนแม่บทน้ำ 20 ปี ครอบคลุมด้านน้ำกินน้ำใช้ ความมั่นคงน้ำเพื่อการผลิต การจัดการน้ำท่วม การฟื้นฟูระบบนิเวศ และธรรมาภิบาล
สำหรับโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณหน้า มีการจัดลำดับพื้นที่วิกฤต เช่น
- หาดใหญ่: เร่งขุดลอกและขยายคลอง ร.1 – คลองอู่ตะเภา พร้อมสร้างระบบผันน้ำจากเขาคอหงส์ เพื่อเร่งระบายลงทะเลสาบสงขลา
- ภาคกลาง: พิจารณาสร้างเขื่อนใหม่ตอนเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท เพื่อเบี่ยงน้ำและลดปริมาณน้ำหลากลงพื้นที่ลุ่มต่ำ
ทุกโครงการต้องเชื่อมโยงการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ ทั้งพื้นที่รับน้ำ ระบบระบายน้ำ และแผนฉุกเฉิน เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบ ป้องกันน้ำท่วม ที่แข็งแรงและยั่งยืนในระยะยาว



















