รู้แล้วสาเหตุ คอนเทนต์ขยะ ทำไมถึงดัง ยิ่งดราม่า ยิ่งด่ายิ่งปัง

เผยเหตุผลทำไมคอนเทนต์ขยะถึงดัง หมอชี้อัลกอริทึมหนุนดราม่า ยิ่งแรงคนยิ่งด่า ยิ่งโดนด่ายิ่งปัง ครีเอเตอร์ปั่นกระแสซ้ำเป็นแพทเทิร์นไม่รู้จบ
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 68 ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” ระบุว่า คอนเทนต์ขยะกำลังสร้างสมองขยะให้สังคม พร้อมเตือนประชาชนว่า อย่าไปด่า creator ที่ตั้งใจปั่นกระแส เพราะยิ่งด่าก็ยิ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ นำไปสู่กระบวนการ “ถูกด่า → ได้กระแส → ขอโทษ → ทำซ้ำ” ซึ่งกลายเป็นแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หมอสุรัตน์ชี้ว่า แม้หลายคนจะไม่ชอบและมีเสียงตำหนิ แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งทำตามเพราะเห็นว่า “ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ” โดยไม่ต้องใช้ความรู้ ไม่ต้องสร้างสรรค์อะไร ทำให้คอนเทนต์ด้อยคุณภาพแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เยาวชนเข้าถึงง่าย และอาจส่งผลให้สังคมเสื่อมถอยลง ขณะที่กระทรวงต่าง ๆ ใช้งบประมาณรณรงค์จำนวนมากกลับไม่สามารถต้านพฤติกรรมลักษณะนี้ได้
เขายังระบุถึง เหตุผลหลายชั้น ที่ทำให้ creator บางคนตั้งใจผลิตคอนเทนต์ดราม่า แม้จะไม่มีประโยชน์เลยก็ตาม โดยเป็นผลจากกลไกทางจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์แพลตฟอร์มในยุคที่อัลกอริทึมและพฤติกรรม “เสพสิ่งดึงดูดสมอง” กำลังถดถอยลงอย่างมาก
เหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้เกิดคอนเทนต์ดราม่าเป็นแพทเทิร์น
1) อัลกอริทึมชอบคอนเทนต์ที่มีการโต้เถียง
แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, IG, Facebook ให้คะแนนสูงกับโพสต์ที่มีคนหยุดดู แชร์ไปด่า หรือโต้ตอบ เพราะ “การมีส่วนร่วมเชิงลบ” ส่งผลให้ยอดเข้าถึงพุ่ง จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า “เศรษฐศาสตร์ของความโกรธ” ดังนั้น creator บางคนตั้งใจทำให้คนโกรธเพื่อให้คอนเทนต์ปัง และไม่ลบคลิปเพราะรู้ว่า “ด่า = ดัน”
2) สมองมนุษย์ตอบสนองเร็วต่อสิ่งผิดปกติ
เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลก แรง หรืออุกอาจ สมองส่วน amygdala จะตื่นตัวทันที ทำให้ creator บางคนใช้จุดนี้สร้างความสนใจ ก่อนนำไปขายอย่างอื่นในภายหลัง
3) คอนเทนต์ดราม่าช่วยสร้างอัตลักษณ์เร็ว
การทำตัวแบบ “ขบถต่อสังคม” หรือทำสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทำ แม้จะดูตลกกากเพียงใด แต่ช่วยให้โดดเด่นจากกลุ่ม creator อื่น ๆ และเป็นการประกาศตัวว่า “ฉันไม่เหมือนใคร”
4) ความกดดันเรื่องรายได้
creator หน้าใหม่จำนวนมากต้องการโตไวเพื่อสร้างรายได้ จึงเลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุด แม้จะเสี่ยง และทำให้คอนเทนต์ดี ๆ ถูกลดทอนลง เพราะ “ดราม่าสร้างง่ายกว่า”
5) คนดูบางกลุ่มติด “ดราม่าโดปามีน”
การเสพคอนเทนต์แรง ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้สมองติดความตื่นเต้นแบบรวดเร็ว เหมือนการกินฟาสต์ฟู้ดที่อร่อยง่ายแต่ไม่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ creator ผลิต “ฟาสต์ฟู้ดทางสมอง” ตามรสนิยมตลาด
6) วัฒนธรรมออนไลน์เอื้อให้ความปั่นคือความดัง
ยุคนี้คนดังเพราะเรื่องดีเพียง 1 ส่วน แต่ดังเพราะเรื่องปั่นถึง 9 ส่วน ทำให้ creator เลือกสิ่งที่ได้ผลเร็ว แม้จะไม่สร้างสรรค์และไม่จรรโลงสังคม
ท้ายที่สุด ผศ.นพ.สุรัตน์สะท้อนว่า สังคมกำลังเสพสิ่งที่เร็วและง่ายจนติด habit นี้ไปแล้ว ขณะเดียวกันเรากลับช่วยกันด่า creator ซึ่งยิ่งเป็นการผลักให้พวกเขาได้แสง พร้อมฝากคำถามทิ้งท้ายว่า ในยุคที่ประชากรเกิดน้อยลงทุกปี สังคมควรมีคุณภาพมากกว่านี้หรือไม่
ขอบคุณ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์

อร่อยแบบไม่เสี่ยง กรมประมงแนะเคล็ดลับกิน "ปลาเค็ม" ให้ปลอดภัย

กทม. ขอเชิญชวนคนไทยร่วมชมและเชียร์กองทัพนักกีฬาไทย กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33

"หวยฮานอยวันนี้" 18/11/68 ฮานอยวันนี้ สด 18 พ.ย. 68 หวยฮานอยออกอะไร

เดินหน้าดัน "ม้าน้ำตากแห้ง" กลับสู่ตลาดจีน เพิ่มรายได้เกษตรกร
















