"ดร.ธรณ์" ชี้ ลานีญา ทำไทยเจอฝนถล่มมากกว่าปกติแม้เข้าฤดูหนาว

"ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" ชี้ลานีญาเริ่มส่งผล ทำไทยฝนชุกกว่าปกติแม้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อาจมีพายุบ้าง แต่ใกล้ปีใหม่น่าจะดีขึ้น
ฝนยังไม่หมด แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศให้ประเทศไทย “เข้าสู่ฤดูหนาว” อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่สภาพอากาศกลับไม่เป็นไปตามคาด หลังทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีกหลายจังหวัดยังคงเจอฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมออกมาเผยว่า ปรากฏการณ์ “ลานีญา” กำลังเริ่มส่งผล ทำให้ฤดูหนาวปีนี้มีฝนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 มีรายงานฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังและการจราจรติดขัดในช่วงเช้า โดยกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนให้เฝ้าระวังสภาพอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่ของประเทศ พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมถึงความเสี่ยงจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
แม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่สภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง สร้างความสงสัยให้หลายคนว่าเหตุใดฝนยังไม่หมดเสียที
ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ชี้แจงถึงสาเหตุว่า
“ลานีญาเริ่มส่งผล ทำให้ปีนี้เรามีฝนมากกว่าปกติของฤดูหนาวทั่วไป อาจมีพายุเข้าบ้าง แต่ช่วงใกล้ปีใหม่น่าจะดีขึ้นครับ”
เข้าใจ “ลานีญา” ในไม่กี่บรรทัด ปรากฏการณ์ ลานีญา คือภาวะที่อุณหภูมิน้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกของเส้นศูนย์สูตร เย็นลงกว่าปกติ เนื่องจากลมค้าที่พัดแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดความชื้นสะสมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย จึงทำให้หลายประเทศ รวมถึงไทย มีฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยของฤดูหนาวทั่วไป
ดร.ธรณ์ระบุว่า ฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงนี้เป็นผลโดยตรงจากอิทธิพลลานีญา ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นช่วง ๆ ไปจนถึงปลายปี ก่อนที่สภาพอากาศจะเริ่มกลับสู่ความแห้งเย็นตามฤดูกาลในช่วงใกล้ปีใหม่

ฝนถล่ม! กรมอุตุฯ เตือน “กรุงเทพฯ–ภาคกลาง” เจอฝนหนักถึงหนักมาก

เริ่มโอน “เงินเยียวยาน้ำท่วม 2568” รอบแรกวันนี้ 12 จังหวัดรับแล้ว

"ดร.ธรณ์" ชี้ ลานีญา ทำไทยเจอฝนถล่มมากกว่าปกติแม้เข้าฤดูหนาว

"ทุเรียนเวียดนาม"ฟื้นตัว ยอดส่งออกพุ่ง จ่อแตะ 1แสนล้านบาท
















