เจ้าของกระบะตอบแล้ว ภรรยาโดนไล่ออกด้วยมั้ย ปมจอดขวางรถฉุกเฉิน

ยังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีรถกระบะจอดขวางทางรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่ จนทำให้เกิดเหตุผู้ป่วยรายหนึ่งเสียชีวิต เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินเพื่อส่งต่อไปรักษาได้ทันเวลา

 

ต่อมา เจ้าของรถกระบะคันดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ โดยระบุว่า วันเกิดเหตุได้พาแม่วัย 69 ปี ซึ่งมีอาการกรดไหลย้อนจนหายใจติดขัด หายใจไม่ออก ไปยังโรงพยาบาลปลายพระยา เมื่อไปถึงไม่พบเจ้าหน้าที่มารับผู้ป่วย จึงให้ภรรยาไปเอารถเข็นและช่วยกันเข็นแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพราะแม่อ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้เอง

 

เจ้าของรถเล่าว่า ขณะนั้นไม่ทราบว่ารถฉุกเฉินที่จอดอยู่กำลังจะออกไปรับผู้ป่วยรายอื่น และไม่มีใครบอกว่ามีผู้ป่วยวิกฤตรออยู่ เจ้าหน้าที่เพียงเข้ามาบอกให้ไปเลื่อนรถ ซึ่งตนได้ตอบกลับว่า จะพาแม่ขึ้นเตียงก่อนแล้วจะไปขยับให้ พร้อมยืนยันว่า หากเจ้าหน้าที่อธิบายว่ามีผู้ป่วยอีกรายรอขึ้นรถฉุกเฉิน ก็คงรีบขยับรถตั้งแต่ตอนนั้น

 

หลังจากนั้น เจ้าของรถได้เดินออกมาจะเลื่อนรถ แต่ไม่เห็นผู้ป่วยฉุกเฉินแล้ว เข้าใจว่ารถออกไปแล้ว จึงไม่ได้รีบมากนัก กระทั่งลูกสาวของผู้ป่วยรายดังกล่าวมาขอให้ช่วยเลื่อนรถ เขาจึงรีบออกมา แต่ก็พบว่ารถฉุกเฉินเคลื่อนออกไปแล้ว และญาติผู้ป่วยได้เข้ามาต่อว่าภรรยาของตน

 

เจ้าของรถกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นไม่ทราบเลยว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิต และมองว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้สื่อสารรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องเวลาการเสียชีวิตและลำดับเหตุการณ์ที่แท้จริง ยืนยันว่าตนไม่ได้โต้เถียงกับญาติผู้เสียชีวิต และกำลังจะไปขยับรถในตอนนั้นจริง ๆ

 

ส่วนเรื่องโดนบริษัทที่กำลังทำงานเลิกจ้างนั้น หนุ่มเจ้าของกระบะกล่าวว่า ตนเองก็เตรียมส่งเงินชดเชยส่วนหนึ่งจากบริษัทที่ทำงาน ไปให้กับญาติผู้เสียชีวิต ส่วนตัวของตนเอง ก็ถูกบริษัทเลิกจ้างไปแล้ว ต้องกลายเป็นคนตกงาน ค่าชดเชยจากบริษัทตนก็ไม่ได้ ส่วนภรรยาก็ต้องรอออกจากงานสิ้นปีเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามตนเข้าใจที่กระแสสังคมมารุมด่าว่า และไม่โกรธผู้คนในโซเชียล เพราะเข้าใจว่าเขาได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว สังคมไม่ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนเองก็คงจะไม่ปะทะกับ จนท.แบบนี้ ยอมรับว่าตนเองก็ขาดสติไป นั่นเพราะตนเหลือแม่เพียงคนเดียว