อาการ ปวดขา-ชาเท้า เช็ก 4 สัญญาณเตือนเงียบ ที่คุณคาดไม่ถึง

สังเกตด่วน อาการ ปวดขา-ชาเท้า บ่อย ๆ อาจไม่ใช่แค่อาการเหน็บชาธรรมดา แต่เป็น สัญญาณเตือนเงียบ ของ 4 โรคอันตรายที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง.
อาการชา หรือ อาการปวดขา-ชาเท้า เป็นความรู้สึกไม่พึงประสงค์ที่หลายคนมักเจอหลังการนั่งหรือนอนท่าเดิมนาน ๆ โดยไม่ได้ขยับร่างกาย หลายคนคิดว่าเป็นเพียงอาการเหน็บชาชั่วคราวที่สร้างความรำคาญเพียงระยะสั้น ๆ แล้วก็จะหายไปเอง
แต่รู้หรือไม่? หากคุณมี อาการขาชา หรือ ชาเท้า เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือมีความถี่มากจนผิดปกติในแต่ละวัน นั่นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป เพราะมันคือ สัญญาณเตือนเงียบ ที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติร้ายแรงของ ระบบประสาทและสมอง ได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 4 โรคร้ายที่แฝงมาพร้อมกับอาการ ปวดขา-ชาเท้า และสิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันและรักษา
ทำความเข้าใจ ขาชา เกิดจากอะไร? เกี่ยวข้องกับระบบประสาทอย่างไร?
ต้นเหตุของอาการ ปวดขา-ชาเท้า: เส้นประสาทถูกกดทับ
อาการแขนชา หรือ ขาชา-ชาเท้า ที่เราพบเจอบ่อย ๆ เกิดจากการ ถูกกดทับของเส้นประสาท ทำให้กระแสประสาทไม่สามารถเดินทางไปถึงบริเวณปลายแขนและขาได้อย่างสะดวก สาเหตุหลักมักมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเอง เช่น
- การนั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน
- การจับเมาส์ หรือใช้งานอวัยวะส่วนนั้นซ้ำ ๆ
- การนอนทับแขนหรือขาโดยไม่รู้ตัว
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาขาชาและแขนชาได้ในระยะสั้น แต่ถ้าอาการ ปวดขา-ชาเท้า ไม่ได้เป็นแค่ชั่วครู่ นั่นแปลว่าปัญหาอาจอยู่ที่การทำงานของ สมองและระบบประสาท โดยตรง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่คุณคาดไม่ถึง
สัญญาณเตือนเงียบ 4 โรคร้ายที่มาพร้อมอาการ ปวดขา-ชาเท้า
4 โรคอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ อาการปวดขา-ชาเท้า บ่อย ๆ
หากคุณมีอาการ ขาชา หรือ ปวดขา-ชาเท้า ที่เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ไม่หายไปเอง หรือมีอาการปวดร้าวร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายทางระบบประสาทเหล่านี้
2.1 โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
สาเหตุ: ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวออกมากดทับเส้นประสาท จนเกิดการอักเสบ
อาการ: คนไข้จะรู้สึก ปวดขา และ ขาชา ลงไปจนถึงน่อง หรือมีอาการเหมือนเป็นตะคริว
2.2 โรคปลายประสาทอักเสบ
สาเหตุ: เกิดความเสียหายของเส้นประสาทจากอุบัติเหตุ การกดทับ หรือภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ (เช่น เบาหวาน)
อาการ: เริ่มจาก ชามือชาเท้า ก่อนจะรุนแรงมากขึ้นจนลามไปมี อาการขาชา หรือแขนชา
2.3 โรคเส้นเลือดในสมอง (เน้นย้ำว่าเป็นอาการรุนแรง)
สาเหตุ: การอุดตันหรือแตกของหลอดเลือดในสมอง
อาการ: อาจมีอาการชาที่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง หรือพูดไม่ชัด หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
2.4 โรคขาดวิตามินบี 12
สาเหตุ: ร่างกายขาดวิตามินที่สำคัญต่อการทำงานและการสร้างปลอกหุ้มของเส้นประสาท
อาการ: อาจเริ่มมีอาการ ชาเท้า และชาตามปลายมือปลายเท้า หากปล่อยไว้นานจะส่งผลต่อการทรงตัวและความจำได้
ขาชา สังเกตไว รักษาได้: แนวทางการดูแลตัวเอง
ขาชา สังเกตไว รักษาได้: แนวทางการดูแลและเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
หากอาการ ปวดขา-ชาเท้า ของคุณยังไม่รุนแรง สามารถเริ่มต้นบรรเทาและป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ เหล่านี้
- ปรับพฤติกรรม: เลี่ยงการนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายทุก ๆ 1 ชั่วโมง
- การเคลื่อนไหว: ออกกำลังกาย ยืดกล้ามเนื้อ และไม่อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ
- หลีกเลี่ยง: เลี่ยงการยกของหนักในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังได้
อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มมี อาการขาชา ที่มีความถี่มากขึ้น มีอาการปวดที่ผิดปกติ หรือมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย นั่นคือ สัญญาณเตือน ที่คุณ ต้องรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านระบบประสาทในทันที
คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ขาชา เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายอะไรบ้าง?

ลากิจ คืออะไร? ใช้ได้ตอนไหน กฎหมายแรงงานที่ลูกจ้างควรรู้

อย่าชะล่าใจ! “หนอนปอก” ระบาดช่วงฝน ขนพิษทำผิวพังไม่รู้ตัว

ไขข้อควรรู้ ข้าวเก่า ข้าวใหม่ นำมาเทปนกันได้ไหม วันนี้มีคำตอบ

ทำความรู้จัก แอปเปิ้ลไซเดอร์ ช่วยเรื่องอะไร พร้อมเรื่องที่ควรรู้
