เชื้อราตัวร้าย ระวังโรครากเน่า โคนเน่า โรคผลเน่า ในต้นอะโวคาโด

เชื้อราตัวร้าย "Phytophthora" เตือนการเฝ้าระวังโรครากเน่า โคนเน่า โรคผลเน่า ในต้นอะโวคาโด แนะแนวทางป้องกัน/แก้ไข
วันที่ 7 ต.ค. 2568 สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ได้ออกมาเตือนเฝ้าระวัง "โรครากเน่า โคนเน่า" และ "โรคผลเน่า อะโวคาโด" โดย Phytophthora เป็นเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่าในต้นอะโวคาโด ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งในโลก
เชื้อ Phytophthora cinnamomi เติบโตได้ดีในดินที่มีน้ำมากเกินไปและระบายน้ำไม่ดี ทำให้รากเน่า ต้นไม้มีอาการใบเหลือง เหี่ยว และกิ่งแห้งตาย การจัดการโรคทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ต้นตอที่ทนทาน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การจัดการความชื้นในดิน และการใช้สารฆ่าเชื้อราทางการเกษตร
แนวทางป้องกัน/แก้ไข
1. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำดี ไม่ควรมีน้ำท่วมขัง หากมีน้ำท่วมขังควรรีบระบายออก
2. ปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัด โดยใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์
3. ปรับปรุงดิน โดยใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อให้ดินสามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารได้ดี และรากพืชสามารถพัฒนาและนำอาหารพืชไปใช้ได้ง่าย
4. ควรเลือกส่วนขยายพันธุ์ และวัสดุเพาะชำ จากแหล่งที่ไม่มีการระบาดของโรค และไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ
5. ตัดแต่งกิ่งหรือแขนงบริเวณโคนต้นออกให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น เป็นการลดความชื้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
6. เก็บใบกิ่งก้านที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้นออกไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรค
7. ตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบพืชเริ่มแสดงอาการของโรค ใช้สารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วทั้งต้น และรดดินบริเวณหลุมปลูกและข้างเคียง ทุก 7 วัน ควรหยุดใช้สารก่อนการเก็บเกี่ยว อย่างน้อย 14 วัน
8. หากพบอาการของโรคใบไหม้ ให้ตัดใบที่แสดงอาการ นำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก แล้วใช้สารตามข้อ 7.
9. ต้นที่เป็นโรครุนแรงมากหรือตาย ควรขุดออกนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก แล้วรดดินในหลุมปลูกและบริเวณข้างเคียงด้วยสารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่ว ตากดินไว้ระยะหนึ่งจึงปลูกทดแทน
10. ไม่นำเครื่องมือทางการเกษตรที่ใช้กับต้นเป็นโรคไปใช้ต่อกับต้นปกติ และควรทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ใหม่ทุกครั้ง
11. ควรระมัดระวังการให้น้ำ ไม่ให้น้ำไหลผ่านจากต้นที่เป็นโรคไปต้นปกติ
12. ในแปลงที่มีการระบาดของโรค ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อสาเหตุโรคหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรของโรค
ควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์
ควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์ที่ผลิตได้จากเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส และเชื้อไตรโคเดอร์มา เชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 สามารถรักษาโรครากเน่าโคนเน่าของอะโวคาโดซึ่งเป็นโรคชนิดเดียวกันที่เกิดกับทุเรียน วิธีการรักษาโดยลอกเปลือกบริเวณที่เป็นโรคและทาด้วยผลิตภัณฑ์ผงเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 4 ครั้ง รวมทั้งใช้เข็มฉีดเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 1 ครั้ง และใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาราดรอบโคนต้น
ขอบคุณ FB : สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร

อย่ามองข้าม หมอเตือน ฟันผุ – เหงือกอักเสบ อาจลามถึงขั้นเสี่ยงดับ

"ทนายเกิดผล" ฟาดตรงๆ "พระแท้ก็ไม่รอด" ชาวเน็ตแห่แชร์สนั่น

เลิกเถียง ตระกูลคณานุรักษ์ ชี้ชัดปมเหรียญหลวงปู่ทวดปี 08 เนื้อทองคำ

ประวัติ "ประกอบ กำเนิดพลอย" คุณพ่อหนุ่มกรรชัย ที่แท้ไม่ธรรมดา
