เผยสถิติพุ่ง! จับผู้ลักลอบเข้า–ออกเมืองเกือบ 900 คน ในรอบ 3 เดือน

26 ก.ย. 2568 จากสถานการณ์ความไม่สงบและการปิดด่านชายแดนเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว ส่งผลให้สถิติการลักลอบเข้า–ออกเมืองผิดกฎหมายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตรับผิดชอบของหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ซึ่งมีรายงานการจับกุมแทบทุกวัน

กองกำลังบูรพา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ถึง 25 กันยายน 2568 หรือเพียง 3 เดือนเศษ ในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ มีการจับกุมผู้ลักลอบข้ามแดนรวม 140 ครั้ง ผู้ต้องหามากถึง 870 คน แบ่งเป็นชาวไทย 354 คน ชาวกัมพูชา 472 คน ชาวจีน 6 คน ชาวไนจีเรีย 6 คน ชาวเมียนมา 24 คน ชาวเซียร์ราลีโอน 1 คน ชาวบังกลาเทศ 7 คน และชาวปากีสถาน 2 คน

การจับกุมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่

• ขาเข้า: จับกุม 107 ครั้ง ผู้ต้องหา 626 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา (370 คน) และชาวไทย (215 คน) นอกจากนี้ยังพบชาวต่างชาติอื่น ๆ รวมถึงผู้ต้องหาที่มีหมายจับและประวัติอาชญากรรม (Case ID)
• ขาออก: จับกุม 33 ครั้ง ผู้ต้องหา 246 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย (139 คน) และชาวกัมพูชา (102 คน) สะท้อนให้เห็นว่าการลักลอบไม่ได้มีเพียงการเข้าประเทศไทย แต่ยังมีการลักลอบออกนอกประเทศด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย เช่น ซิมการ์ดโทรศัพท์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความพยายามของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ช่องทางชายแดนในการกระทำผิดรูปแบบต่าง ๆ

จากตัวเลขผู้ต้องหาชาวกัมพูชาถึง 472 คน สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจในกัมพูชา ที่ทำให้แรงงานจำนวนมากยังคงเสี่ยงชีวิตและทรัพย์สินเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย แม้สถานการณ์ชายแดนจะตึงเครียดมากขึ้นก็ตาม

แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่แรงงานกัมพูชายังคงพยายามลักลอบเข้ามา คือภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา การขาดแคลนงานและรายได้ ทำให้ประชาชนจำนวนมากตกอยู่ในความยากจน ขณะที่ผู้นำประเทศกลับมุ่งเน้นประเด็นการเผชิญหน้าทางทหาร ซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน

ทั้งนี้ ฉก.อรัญประเทศ ย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในพื้นที่ชายแดน เพื่อควบคุมสถานการณ์การลักลอบเข้า–ออกเมืองที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังการปิดด่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจในพื้นที่โดยรวม

ที่มา : สวท.สระแก้ว