อาลัย "หมอพี" ผู้ไม่เคยยอมแพ้ แพทย์ นักบิน นักร้อง สู้มะเร็งร้าย

เรื่องราวชีวิตและการต่อสู้ของ กัปตันนายแพทย์พีรวัฒน์ หรือ "หมอพี" ผู้มีความสามารถรอบด้าน ทั้งในฐานะแพทย์ นักบินสายการบิน และนักร้อง ถูกเล่าผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊กของ Kittikhun Can Tortainchai เผยความเข้มแข็งใจแม้ร่างกายอ่อนแรง ก่อนที่หมอพีจะจากไปในวัยเพียง 35 ปี

ผู้โพสต์ระบุประวัติของหมอพีไว้อย่างละเอียดว่าเขาเป็นนักเรียนเตรียมอุดมรุ่น 69 ศิษย์เก่าแพทย์จุฬารุ่น 65 เป็นนักบินของสายการบินแอร์เอเชีย และเป็นนักร้องวง Chilling Romance กับผลงานเพลง “ลำดับก่อนหลัง” ชีวิตส่วนตัวกำลังไปได้สวย มีงานที่รัก ครอบครัวที่อบอุ่น และเพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่เดือนก่อนพบว่าป่วยด้วยโรคร้าย

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อตรวจพบมะเร็งลำไส้ระยะที่ 4 ที่แพร่เข้าไปยังตับ และต่อมาพบว่ามีการลุกลามไปยังปอด ทำให้การรักษาต้องเปลี่ยนจากการผ่าตัดเป็นการรักษาประคับประคอง แม้หมอพีจะรับคีโมครบตามคอร์สและมีแผนการผ่าตัดเปลี่ยนตับ แต่สภาพโรคกลับไม่เอื้ออำนวยต่อการรักษาเต็มรูปแบบ

ผู้ใกล้ชิดเล่าถึงความเข้มแข็งของหมอพีว่า เมื่อได้รับแจ้งข่าวร้าย หมอพียังยืนยันว่าตนเองจะไม่ยอมแพ้ และมอบกำลังใจให้ผู้อื่นเสมอ แม้เวลานั้นตัวเองก็ทรมาน โดยมีเหตุการณ์ที่สะเทือนใจเมื่อหมอพีโทรปลอบใจผู้โพสต์หลังสูญเสียสุนัขตัวโปรด ทั้งยังแนะนำให้อ่านหนังสือเพื่อให้ใจเบา ความเมตตาและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งของหมอพี ถูกยกขึ้นเป็นตัวอย่างความเป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่

ญาติและคนใกล้ชิดเปิดเผยว่าในช่วงสุดท้ายหมอพียังปลอบใจแม่และภรรยา บอกให้ไม่ต้องกลัวและย้ำถึงความรักต่อครอบครัว ขณะที่หมอพีเองเผชิญความตายอย่างเข้าใจ เลือกรูปและเตรียมงานศพด้วยตัวเอง พร้อมมอบหมายให้แขกผู้มางานอ่านหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ของพระพุทธทาสภิกขุ เป็นข้อความที่เขาต้องการส่งต่อ

เรื่องราวของหมอพีถูกนำมาเล่าซ้ำเพื่อเตือนใจสังคมให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่าประมาทชีวิต เพราะมะเร็งบางชนิดอาจไม่แสดงอาการนำหรือไม่มีประวัติในครอบครัว หมอพียังฝากข้อคิดสุดท้ายถึงสาธารณะว่า “อย่าประมาทในชีวิต — ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ” และย้ำว่าเมื่อเผชิญปัญหาจริง ๆ จิตใจและการเข้าใจความตายช่วยให้รับมือได้อย่างสงบ

ผู้สนใจอยากฟังเสียงและผลงานของหมอพีสามารถค้นหาเพลง “ลำดับก่อนหลัง” ใน YouTube ได้ ขณะที่เรื่องราวซึ่งแชร์บนเฟซบุ๊ก Kittikhun Can Tortainchai ได้รับการส่งต่อเพื่อเป็นกำลังใจและบทเรียนแก่ผู้คนในสังคม

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Kittikhun Can Tortainchai