รวบหัวจ่ายย่านลาดพร้าว ยึดยาบ้ากว่า 5.2 แสนเม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้าน

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.อัฏพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ,พ.ต.อ.เอกภพ ตันประยูร ,พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 ,พ.ต.ท.ณัฐฐโภคิน เหลืองลักษมี ,พ.ต.ท.มนูญ กู้เมือง ,พ.ต.ท.ณัชฐปกรณ์ หัดคำ รอง ผกก.สส.บก.น.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.1 เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา อายุ 42 ปี ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋งนั่งส่วนบุคคล สีดำ 1 คัน, ยาบ้า 520,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 10,000,000 บาท

การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.1 สืบทราบว่ามีการขนลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.ราชบุรี โดยใช้รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพฯ โดยจะนำยาเสพติดมาเก็บไว้ภายในหอพัก ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เพื่อรอกระจายส่งให้กับลูกค้าในชุมชน เจ้าหน้าที่ฯจึงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.15 น.ของวันที่ 10 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่ฯพบรถยนต์คคันดังกล่าวขับเข้ามาที่บริเวณลานจอดรถของหอพัก และจอดอยู่ท้ายลานแต่ไม่มีผู้ใดลงจากรถและไม่ดับเครื่องยนต์ ซึ่งมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ แต่ด้วย ณ เวลาดังกล่าวมีผู้คนพลุ่กพล่านจึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลทั่วไป เจ้าหน้าที่ฯจึงเฝ้าสังเกตการณ์ต่อ จนกระทั่งรถยนต์คันดังกล่าวขับออกจากหอพักไป เจ้าหน้าที่ฯจึงติดตามต่อเนื่องจนไปถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 107 พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้จอดรอจนกระทั่งมีคนมาเปิดประตูและขับเข้าไปจอด เจ้าหน้าที่ฯจึงเข้าแสดงตัวและตรวจค้นพบผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ และภายในรถยนต์พบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงดำวางอยู่ จำนวน 5 ถุง รวมยาบ้า 520,000 เม็ด

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ตนทำหน้าที่ขับรถไปรับและขนลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ต่าง ๆ ตามคำสั่ง ซึ่งจะติดต่อผ่านทางแอพแชท โดยได้ติดต่อให้ไปรับยาเสพติดที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จากนั้นตนลักลอบขนยาเสพติดมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าภายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยรายได้จากการลักลอบขนยาเสพติดนี้ตนนำมาใช้ชีวิตประจำวัน และตนไม่ได้ประกอบอาชีพใดเป็นหลักแหล่ง

เบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบมีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3 ครั้ง ดังนี้

• ปี 2550 ถูกจับกุมในข้อหามีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สน.ลาดพร้าว)
• ปี 2559 ถูกจับกุมในข้อหามีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สน.ลาดพร้าว)
• ปี 2562 ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สภ.ดงเจริญ)

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวพร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ส่ง พงส.บช.ปส. เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ที่มา : กองบัญชาการตำรวจนครบาล - บช.น. Metropolitan Police Bureau