แนะนำวิธีซัก “เสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกาย” ที่ถูกต้อง ใช้งานได้นาน

เสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกายไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะจะทำลายคุณสมบัติระบายเหงื่อ พร้อมแนะนำวิธีซักที่ถูกต้องให้ใช้งานได้นาน
อย่าหาทำ! “เสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกาย” ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
หลายคนอาจเข้าใจว่าการซักเสื้อกีฬาและชุดออกกำลังกายควรใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อให้หอมและนุ่มน่าสวมใส่ แต่แท้จริงแล้วนี่คือสิ่งที่ ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสื้อเสียคุณภาพและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ทำไมถึงไม่ควรใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกาย?
1.ทำลายคุณสมบัติระบายเหงื่อ (Moisture-wicking)
เสื้อกีฬาส่วนใหญ่ผลิตจากใยสังเคราะห์ที่ออกแบบมาเพื่อดูดซับและระบายเหงื่อ แต่เมื่อน้ำยาปรับผ้านุ่มเคลือบเส้นใย จะทำให้เสื้อสูญเสียความสามารถนี้ทันที
2.ทำให้ผ้ามีกลิ่นอับง่าย
ผ้าที่เก็บความชื้นและแห้งช้าจะสะสมแบคทีเรียได้ง่าย ส่งผลให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถึงแม้จะซักแล้วก็ยังมีกลิ่นติดอยู่
3.ทำให้เสื้อเสื่อมสภาพเร็ว
สารเคมีในน้ำยาปรับผ้านุ่มทำให้เส้นใยสังเคราะห์เสื่อมสภาพ สูญเสียความยืดหยุ่น เสี่ยงต่อการย้วยและเสียทรง
4.ลดประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเสื้อผ้า
เสื้อกีฬารุ่นใหม่บางแบบมีเทคโนโลยีเสริม เช่น ป้องกัน UV หรือยับยั้งกลิ่น แต่เมื่อถูกเคลือบด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม คุณสมบัติเหล่านี้จะทำงานได้ไม่เต็มที่
วิธีซักเสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกายที่ถูกต้อง
- ใช้น้ำยาซักผ้าแบบอ่อนโยน หรือสูตรเฉพาะสำหรับชุดกีฬา
- กลับด้านเสื้อก่อนซัก เพื่อลดการเสียดสีกับผ้าอื่น
- ตากในที่อากาศถ่ายเท ไม่ควรตากแดดจัดเกินไป
- หากอยากให้ผ้านุ่ม → ใช้น้ำส้มสายชูเล็กน้อยแทนน้ำยาปรับผ้านุ่ม จะช่วยลดกลิ่นอับและถนอมผ้าได้ดีกว่า
เพียงแค่เปลี่ยนวิธีซักเล็กน้อย ก็สามารถยืดอายุการใช้งานเสื้อกีฬา-ชุดออกกำลังกายได้ ทำให้ผ้าไม่เสียทรง ไม่มีกลิ่นอับ และพร้อมใส่ออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจทุกครั้ง
แหล่งที่มาอ้างอิง
1.Healthline – Why You Shouldn’t Use Fabric Softener on Activewear
2.The Spruce – How to Wash Workout Clothes