"ทนายพัช" หอบหลักฐานร้องสอบทนายดัง พบใช้เลขบัตรปชช. 2 ชุด

"ทนายพัช ธันย์นิชา" หอบหลักฐานร้องสอบทนายดัง พบใช้เลขประจำตัวประชาชน 2 ชุด อ้างเคยเป็นรองนายกเรือนจำกลาง จังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อเวลา 10:30 ที่ผ่านมา น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความชื่อดัง ได้เดินทางมายัง สน.บางเขน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับทนายรายหนึ่ง หลังตรวจพบว่า มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก มากถึง 2 เลขชุด และอ้างว่าเคยเป็นรองนายกเรือนจำกลาง จังหวัดสมุทรปราการ สันนิษฐานว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์
นางสาว ธันย์นิชา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2564 ทนายคนดังกล่าวได้ไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดังรายการหนึ่ง และกล่าวพาดพิงถึงลูกความคดีของตน ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตนจึงจะไปสืบค้นข้อมูลและคัดสำเนาทะเบียนราษฎร์ เพื่อฟ้องทนายคนดังกล่าว แต่เมื่อสืบค้นข้อมูลปรากฏว่า ทนายคนดังกล่าวมีเลขบัตรประชาชน 2 ชุด เป็นชุดเก่าที่มีมาตั้งแต่แจ้งเกิด และชุดใหม่ โดยเลขบัตรประชาชนทั้ง 2 ชุดมีข้อมูลวันเดือนปีเกิด, อายุ, พ่อแม่ตรงกัน เพียงแต่ว่าชุดเก่าแจ้งว่าเป็นผู้อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย่านพระราม 4 ส่วนชุดใหม่แจ้งว่าเป็นเจ้าบ้านอยู่ต่างจังหวัด (สมุทรปราการ)
เมื่อข้อมูลไม่ตรงกัน ลูกความของตนจึงไม่สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ เพราะมิฉะนั้นจะเป็นการฟ้องผิดคน จึงต้องพิสูจน์ให้ได้เสียก่อนว่าบุคคลที่จะฟ้องนั้นใช้เลขที่บัตรประชาชนชุดใดกันแน่ แต่เนื่องจากบุคคลดังกล่าวเป็นทนายความ จึงนำข้อมูลไปตรวจสอบกับสภาทนายความ พบว่าทนายคนดังกล่าวใช้เลขบัตรประชาชนชุดใหม่ในการขึ้นทะเบียนทนายความ ส่วนเลขที่บัตรประชาชนชุดเก่า ไม่ปรากฏในระบบทะเบียนทนายความแต่อย่างใด
อีกทั้งเมื่อตนลองตรวจสอบข้อมูลเลขพร้อมเพย์ที่ใช้สำหรับซื้อขายหนังสือตำราทนายความของทนายคนดังกล่าว กลับพบว่าใช้เลขบัตรประชาชนชุดเก่าเป็นเลขบัตรพร้อมเพย์ เลยยิ่งทำให้ตนเกิดข้อสงสัยว่า ที่ผ่านมาทนายคนนี้ใช้เลขบัตรประชาชนชุดใดในงานฟ้องคดี และเปิดบัญชีธนาคารกันแน่
นอกจากนี้ ด้วยความที่ทนายคนดังกล่าวเขียนหนังสือตำราเกี่ยวกับวิชาว่าความของทนายความ แต่ในประวัติหนังสือกับระบุประสบการณ์ว่า เคยเป็นอดีตรองนายกเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวกับเรือนจำ ก็ไม่ปรากฏว่ามีตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งทางเรือนจำเองก็ได้แนะนำว่าส่งข้อมูลผู้ที่แอบอ้างไปยังเรือนจำ เพื่อจะได้ดำเนินการกับผู้ที่แอบอ้างได้
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีของทนายความคนดังกล่าว ว่าเป็นความผิดพลาดจากทางทะเบียนราษฎร์ หรือจงใจสวมบัตรประชาชนหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าการทำความผิดจริง ก็จะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร์
เรื่องของบัตรประชาชน และความผิดอาญาฐานใช้เอกสารปลอม ไปจนถึงการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานในกรณีที่ใช้เอกสารกับสภาทนายความหรือเจ้าหน้าที่ราชการหน่วยอื่น อีกทั้งอาจจะมีความผิดในเรื่องของการแอบอ้างหน่วยงานราชการจากกรณีสมมติอ้างประวัติว่าเคยทำงานให้เรือนจำแห่งหนึ่งได้
หากพบว่า มีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการสวมบัตรประชาชน ก็จะมีความผิดด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเลขบัตรประชาชนไม่สามารถเปลี่ยนได้ โดยที่ผ่านมาตนเคยได้ยินมาว่า มีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเคยให้การช่วยเหลือกรณีการสวมบัตร ทั้งในกรณีที่คนไทยต้องการจะลบประวัติตัวเอง และกรณีคนต่างด้าว โดยมีค่าใช้จ่ายมากถึงหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเค้าให้ตำรวจตรวจสอบก่อน
นอกจากนี้ ทนายพัชเตรียมจะไปร้องเรียนต่อสภาทนายความ เพื่อให้ตรวจสอบความเป็นทนายความของทนายคนดังกล่าวอีกด้วย เพราะถ้าเลขบัตรประชาชนชุดใหม่เป็นเลขปลอม ย่อมจะทำให้ชื่อของทนายคนนี้ถูกลบออกจากทะเบียนทนายความอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้จะไปตรวจสอบมหาวิทยาลัยที่ทนายคนดังกล่าวอ้างว่าจบการศึกษาว่า มีวุฒิปริญญาจริงตามที่ระบุในประวัติหรือไม่
ทนายพัชยืนยันว่า ตนเองยังเคารพนับถือทนายคนดังกล่าวในฐานะครูบาอาจารย์ด้านวิชาทนายความท่านหนึ่งและไม่มีปัญหาเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ว่าคนที่เป็นทนายความจะต้องรู้ตัวเองในเรื่องข้อมูลส่วนตัวและไม่ควรมีข้อผิดพลาดแบบนี้ ต้องมีความรอบคอบ โดยเห็นกรณีตัวอย่างของอดีตหลวงพ่ออลงกตที่มีการสวมชื่อและบัตรประชาชน เมื่อตอนปรึกษาผู้ใหญ่ ก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้ดำเนินการแจ้งความ เพื่ออย่างน้อยเป็นการล้างบางสังคายนาวงการทนายความใหม่
ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมทนายคนนี้ถึงมีเลขบัตรประชาชน 2 ชุดและต้องอวดอ้างประวัติตัวเองเช่นนี้ หรือมีเจตนาที่จะปกปิดประวัติตนเองหรือไม่ แม้ส่วนตัวจะไม่มีโอกาสได้พบเจอหรือพูดคุยทนายคนนี้ แต่ถ้าพบเจอก็อยากสอบถามเช่นเดียวกันว่า ทำไมถึงไม่ตรวจสอบประวัติตัวเองให้รอบคอบและทำไมถึงมีเลขบัตรประชาชนถึง 2 ชุด

พยากรณ์อากาศวันนี้ ฝนตกหนักทั่วไทย กรุงเทพฯ ปริมณฑลเจอฝนหนักมาก

ทีมชาติไทย พ่าย อิรัก 9 คน 0-1 จบรองแชมป์คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51

ดวงแรงต้องเตือน ระวังตัวเองให้ดีในช่วงเดือนนี้ มีคำแนะนำ

เพื่อนอาลัย "อั๋น เก้านิ้ว" อดีตนักเลงกลับใจ เศร้ารู้สาเหตุดับ
