"บิ๊กเต่า" ยืนยันว่าไม่น้อยใจชื่อหลุดโผนายพลแต่งตั้งโยกย้าย

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ไม่น้อยใจชื่อหลุดโผนายพล เพราะชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ต่อไปก็จะทำงานให้เต็มที่ ไม่ได้เสียกำลังใจ
31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ( รองประธาน ก.ตร. ) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ ( ผบก. ) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร. ) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.ตร. ที่ยื่นจดหมายลาประชุมเนื่องจากติดภารกิจสำคัญ โดย ก.ตร. ใช้เวลาประชุมนานกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งก.ตร.ได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อจากบัญชีแต่งตั้งที่ ตร.เสนอ หลายตำแหน่ง
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งตนก็ยินดีด้วย อย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน ตนเองก็ดีใจด้วย และหากไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยาก เพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป
เพราะฉะนั้นก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการที่เราทำเพื่อส่วนรวม และให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการ ในปีต่อไป
โดยหลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่า การพิจารณาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งอยากทำให้เป็นมาตรฐาน ไม่อย่างนั้นระบบอุปถัมภ์จะยังคงอยู่ ตนจะไปสอบถาม ก.พ.ค.ตร. เพื่อเป็นแนวทางและการดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาปีต่อไป ไม่ใช่ไปเอาเรื่องหรือดำเนินคดี
ส่วนการดำเนินการครั้งนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าอาจสร้างความไม่พอใจ แต่หากคนทำงานได้รับการพิจารณาก็ยินดีและดีใจด้วย แต่ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเนื้อหาสาระของงานยังด้อยกว่ามาก จึงเห็นด้วยที่ ก.ตร.ชุดใหญ่ ที่มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธาน ได้คืนความเป็นธรรมให้กลุ่มคนทำงาน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่น้อยใจเพราะทำงานด้านการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่แล้ว หากคนที่ทำงานและได้รับการแต่งตั้งก็พร้อมพลีชีพ จะให้ยกมาพิจารณาก็เป็นเรื่องยาก เพราะเปิดหน้าชนไปแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเรื่องน้อยใจเพราะชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ต่อไปก็จะทำงานให้เต็มที่ ไม่ได้เสียกำลังใจ และมองว่าตนเองเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกอีกว่า คนที่พูดได้ดีที่สุดก็คือเรา ตนเองก็มีเวลาอีก 4 ปี มองในแง่บวกและทำงานให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นแนวทางว่าคนทำงานจำเป็นจะได้ดี ถ้าเราคิดว่าทำเพื่อส่วนรวมก็อย่าไปคิดน้อยใจ เพราะเดี๋ยวตนเองก็ต้องทำงานต่อและต้องทำให้หนักกว่าเดิม และต้องไม่มองว่าการที่เราออกมาเคลื่อนไหวเป็นการทำเพื่อตนเอง และถ้าสังเกตตนชอบทำงานเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวมมาเยอะและทำมาตลอดด้วยความเสียสละและทุ่มเท เพราะฉะนั้นที่ไม่ได้รับการพิจารณาเพราะเรายังอาวุโสน้อยก็ไม่เป็น แต่มองว่าควรหาแนวทางผลักดันให้ ก.ตร. วางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาในปีต่อไปจะดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลประโยชน์

"ธนาคารกรุงเทพ" แจงล่าสุด เผยข้อมูลเพิ่มเติม สาเหตุเงินในบช.หาย

ฝนถล่มไทย กรมอุตุฯ เตือน 3 จังหวัดหนักสุด เสี่ยงน้ำป่า-น้ำหลาก

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ผนึก สพฐ.-มูลนิธิยุวพัฒน์ เดินหน้า โรงเรียนร่วมพัฒนา ยกระดับการศึกษาไทย

เปิดความเชื่อ สีเสื้อควรเลี่ยง ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีคำแนะนำ
