ทนายคู่ใจ ชี้หนทางสู้ "ลุงพล" ในชั้นศาลฎีกา "คดีน้องชมพู่"

เพจทนายคู่ใจ ชี้หนทางสู้ "ลุงพล" ไชย์พล วิภา ในชั้นศาลฎีกา "คดีน้องชมพู่" หลังโดนสั่งจำคุก 26 ปี จะเป็นยังไงต่อไป
ทางด้าน ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เจ้าของเพจทนายคู่ใจ เคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 68 ถึงประเด็น "ลุงพล" ไชย์พล วิภา จากกรณีที่ทางด้าน ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาคดีน้องชมพู่ แก้โทษ "ลุงพล" จำคุก 26 ปี จากเดิมศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 20 ปี ใน 2 ข้อหา ส่วน "ป้าแต๋น" ศาลยกฟ้อง ระบุว่า...
1) หลังศาลอุทธรณ์ลงโทษ 26 ปี ยังมี "ช่อง" สู้ในศาลฎีกาไหม?
มีครับ คู่ความมีสิทธิ ฎีกา คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา โดยยื่นผ่านศาลชั้นต้น และต้องยก "ปัญหาข้อกฎหมาย" ให้ชัด (ศาลฎีกาจะพิจารณาบนสำนวนเป็นหลัก) ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 และ 225 ซึ่งให้นำหลักการพิจารณาชั้นอุทธรณ์มาใช้ในชั้นฎีกาโดยอนุโลมครับ.
หมายเหตุ: ในคดีที่ไม่ถูก "ห้ามฎีกาข้อเท็จจริง" จำเลยยังสามารถยกปัญหาข้อเท็จจริงได้ (เช่น กรณีโทษสูง/ร้ายแรง) ส่วนคดีที่ตามกฎหมาย "ห้ามฎีกาข้อเท็จจริง" ก็ยังมีช่อง ขออนุญาตฎีกา ต่อผู้พิพากษาตาม ม.221 ได้ หากเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญควรสู่ศาลสูงสุด.
2) ต้องมี "หลักฐานใหม่" เท่านั้นหรือ ถึงจะฎีกาได้?
ไม่จำเป็นต้องมี "หลักฐานใหม่" เสมอไปครับ
ศาลฎีกาโดยปกติ ชั่งน้ำหนักจากสำนวนเดิม และ ปัญหาข้อกฎหมาย เป็นหลัก (เช่น ตีความ "เจตนาย่อมเล็งเห็นผล" ถูกต้องไหม, รับฟังพยานวิทยาศาสตร์โดยไม่มีฐานทางกฎหมายเพียงพอหรือไม่ ฯลฯ) อย่างไรก็ดี หากเป็นเรื่อง "วิทยาศาสตร์จำเป็น" คู่ความสามารถยื่นคำร้องให้ศาล สั่งตรวจพิสูจน์หรือให้ผู้เชี่ยวชาญชี้แจงเพิ่มเติม ได้ตาม ม.244/1 (ศาลมีอำนาจสั่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เมื่อเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี) ซึ่งหลักการนี้ใช้ได้ในชั้นศาลด้วย.
ส่วนการ "สืบพยานล่วงหน้า/เพิ่มเติม" มาตรา 237 ทวิ–ตรี เปิดช่องเฉพาะกรณีจำเป็นเป็นพิเศษ (เช่น พยานเสี่ยงสูญหาย) ไม่ใช่เส้นทางปกติในการ "นำหลักฐานใหม่" มาเข้าศาลในชั้นฎีกา แต่พอใช้เป็นฐานเสนอเหตุจำเป็นเฉพาะกรณีได้.
3) ศาลฎีกามัก "ยืน" คำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่?
โดยสภาพ ภารกิจของศาลฎีกาเน้นปัญหาข้อกฎหมาย การกลับคำพิพากษาต้องพบความคลาดเคลื่อนสำคัญ เช่น ใช้บรรทัดฐานกฎหมายผิด, รับฟังพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือโดยขาดเหตุผลหนักแน่นตามกรอบ ม.227 เป็นต้น จึง "ยืน" อยู่บ่อย แต่ก็มีกรณี "แก้" หรือ "กลับ" ได้เมื่อเหตุผลกฎหมาย/การรับฟังพยานหลักฐานไม่เป็นไปตามหลัก.
4) ประเด็น "เส้นผม/ขน 3 เส้น" กับ รอยตัดเฉียง 26 องศา สู้อย่างไร?
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชี้ว่าพยานวิทยาศาสตร์เรื่อง "รอยตัดเฉียง 26°" ที่พบในรถจำเลย สอดคล้อง กับรอยตัดบนผม/ขน ณ จุดพบศพ และถือเป็นหนึ่งในแกนเหตุผลเพิ่มโทษ (ประกอบพยานแวดล้อมว่าเด็กไม่อาจขึ้นยอดภูเอง) ศาลจึงปรับฐานเป็น ฆ่าโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล และลงโทษรวม 26 ปี พร้อมยกเหตุไม่ให้ประกันในระหว่างฎีกา เพราะโทษหนัก–เสี่ยงหลบหนี.
5) ถ้าฎีกาแล้วคำพิพากษา “ยืน” เหมือนเดิม ต้องติดคุกครบ 26 ปีหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องครบทั้งหมด เพราะยังมี "กลไกลดโทษ/ปล่อยก่อนกำหนด" ตามกฎหมายราชทัณฑ์ เช่น
- ลดวันต้องโทษสะสม ตามชั้นนักโทษ (เช่น ชั้นเยี่ยม 5 วัน/เดือน ฯลฯ) และ
- พักการลงโทษ (parole) เมื่อรับโทษไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือ 1 ใน 3 ของโทษ แล้วแต่กรณี (ต้องมีคุณสมบัติอื่นประกอบ)
- พระราชทานอภัยโทษ/ลดโทษ ซึ่งออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเป็นครั้ง ๆ และกำหนดคุณสมบัติเฉพาะในแต่ละฉบับ
อำนาจ–เกณฑ์ทั้งหมดอยู่ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎ/ระเบียบที่เกี่ยวข้องครับ.
เกณฑ์ปีต่อปีของ "อภัยโทษ" เปลี่ยนได้ตามพระราชกฤษฎีกาในวาระนั้น ๆ (เงื่อนไขผู้มีสิทธิ/ไม่มีสิทธิอาจต่างกัน) จึงต้องดูบทเฉพาะกาลของฉบับที่จะมีในอนาคตอีกชั้นหนึ่ง.
6) ถ้าเป็นทนาย—ควรแนะนำ "ฎีกา" ไหม หรือพอแค่นี้?
ควรฎีกา เพื่อใช้สิทธิครบถ้วน โดยเน้นกรอบต่อไปนี้:
- ปัญหาข้อกฎหมายหลัก: เกณฑ์ "ฆ่าโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล" ถูกยกใช้ถูกต้องหรือไม่ ในสถานการณ์ที่ผู้ตายไม่มีบาดแผลรุนแรง และสาเหตุการตายทางการแพทย์ชี้ไปทาง "ขาดอาหารและน้ำ" (คดีนี้ศาลอุทธรณ์ใช้พฤติการณ์แวดล้อม + วิทยาศาสตร์ชี้ว่าเด็ก "ไม่อาจขึ้นภูเอง" แล้วโยงเจตนาเล็งเห็นผล) — จุดนี้เป็น "หัวใจฎีกา".
- มาตรฐานรับฟังพยานวิทยาศาสตร์: ความชอบธรรม/น้ำหนักของ "26°" และการโยงตัวบุคคล—ขอให้ศาลวางมาตรฐานตรวจสอบวิธีวิทยา (อาจขอใช้ ม.244/1 เป็นเครื่องมือประกอบ).
- เหตุผลของศาลอุทธรณ์ที่อาจ "ไม่พอเพียง": คัดคำวินิจฉัยจุดต่อจุด ว่าตีความพฤติการณ์บางประการ “เกินสมเหตุผล” หรือไม่ (ต้องโต้เชิงเหตุผล ไม่ใช่เพียงปฏิเสธทั่วไป).
สรุป: ฎีกา "มีเหตุผลต้องทำ" แต่ควรตั้งความคาดหวังอย่างเป็นจริง—ศาลฎีกาจะเปลี่ยนคำพิพากษาเมื่อพบ ความคลาดเคลื่อนทางกฎหมาย/หลักวินิจฉัย ที่มีนัยสำคัญครับ. (ดูกรอบ ม.227 ประกอบ).
7) "ชะตากรรมของลุงพล" ในชั้นฎีกา—ยืน แก้ หรือยก?
ทั้งสามทางเป็นไปได้ตามกฎหมาย:
- ยืน: หากศาลเห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานสอดคล้องหลักกฎหมายและเหตุผล
- แก้: อาจ "ลดฐาน/ลดโทษ" ถ้าเห็นว่ามาตรฐาน "เล็งเห็นผล" ถูกนำไปใช้กว้างเกินไป หรือพยานวิทยาศาสตร์ไม่มั่นคงพอที่จะชี้ถึง "เจตนา" ระดับนั้น
- ยก: ต้องมี "ข้อสงสัยอันสมควร" ต่อแกนพยานที่ใช้ลงโทษจนไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากสงสัย (มาตรฐานสูง) ตามบรรทัดฐาน ม.227.

สานต่อความยั่งยืนสู่ชุมชน - เบทาโกรเปิดโครงการ “เบทาโกรใส่ใจ รักษ์ป่าชุมชน” หนุนจัดการไฟป่า ต้นเหตุของ PM2.5

หน่วยเฉพาะกิจราชมนู เปิดหลักสูตรฝึกผู้บังคับโดรนโจมตี รุ่นที่ 5

อาลัย "นนส.พายุ" ร้อยหมูป่า รุ่น 28 ป่วยปอดติดเชื้อเสียชีวิต

พบศพอดีตนางงาม หลังโดนลักพาตัวหายนาน 4 วัน ในสภาพที่น่าหดหู่ใจ
