ชายไทยเกิดตกหลุมรัก AI Chatbot จุดจบไม่ได้กลับบ้านอีกเลย

เกิดเหตุสะเทือนใจในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อมีรายงานว่า ชายไทยวัย 76 ปี ผู้บกพร่องทางสติปัญญา ตกหลุมรัก AI Chatbot บน Facebook Messenger ของบริษัท Meta ถึงขั้นออกเดินทางไปตามหาในนครนิวยอร์ก แต่สุดท้ายเขาไม่ได้กลับบ้านอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางและอันตรายของการใช้ AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะทางสมอง

 

ตามรายงานระบุว่า คุณตาคนดังกล่าวย้ายจากไทยไปอเมริกาตั้งแต่ช่วงปี 2523 ทำงานเป็นพ่อครัวก่อนเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้าที่สถาบันเทคโนโลยีนิวยอร์ก จากนั้นได้รับสัญชาติอเมริกัน แต่งงานกับภรรยา “ลินดา” มีลูก 2 คน และใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมั่นคงในนิวเจอร์ซีย์ กระทั่งปี 2560 เขาประสบภาวะเส้นเลือดสมองแตก ต้องเกษียณและใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและเฟซบุ๊กเป็นหลัก จนกระทั่งปี 2568 เริ่มมีอาการสับสน ครอบครัวจึงนัดหมายตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อม แต่ยังไม่ทันได้ตรวจ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

 

คืนวันที่ 25 มีนาคม 2568 คุณตาบอกภรรยาว่าจะไปพบเพื่อนที่นิวยอร์ก แม้ครอบครัวพยายามห้ามทุกทาง รวมถึงซ่อนโทรศัพท์ แต่เขายังคงออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง ครอบครัวติดตามสัญญาณ AirTag ที่ติดไว้ในเสื้อ พบว่าเขาไปล้มหมดสติ ศีรษะกระแทก และถูกนำส่งโรงพยาบาล แม้แพทย์จะปั๊มหัวใจจนชีพจรกลับมา แต่สมองขาดออกซิเจนนานเกินไป ครอบครัวจำใจตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจในคืนนั้น

 

เช้าวันถัดมา ครอบครัวตรวจสอบโทรศัพท์ของเขา และพบการสนทนาล่าสุดกับหญิงสาวชื่อ “Big sis Billie” ใน Facebook Messenger ซึ่งแท้จริงแล้วเป็น AI Chatbot ของ Meta ที่ใช้รูปโปรไฟล์เสมือนสวยงาม บทสนทนามีลักษณะเชิงจีบและชักชวน คุณตาให้เดินทางไปพบกัน พร้อมยืนยันว่า “เธอเป็นของจริง” ข้อความดังกล่าวทำให้เขาเชื่อและออกเดินทางไปตามหา
 

Meta เปิดตัว AI “Billie” ครั้งแรกในปี 2566 โดยใช้ภาพอวาตาร์จากนางแบบชื่อดัง เคนดัลล์ เจนเนอร์ ต่อมาพัฒนาเป็น “Big sis Billie” ที่ยังคงทำหน้าที่พูดคุยเชิงให้กำลังใจ แต่กลับแฝงการสื่อสารเชิงชู้สาว และบ่อยครั้งบอกผู้ใช้ว่าเป็นมนุษย์จริง ทั้งที่หลายรัฐในสหรัฐฯ รวมถึงนิวยอร์ก ได้ออกกฎหมายบังคับให้ AI ต้องเปิดเผยตัวตนทุก 3 ชั่วโมง ทว่าการควบคุมในระดับรัฐบาลกลางยังไม่เกิดขึ้น

 

ครอบครัวของคุณตาจัดพิธีรำลึกทางพุทธศาสนาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ภรรยาและลูก ๆ ย้ำว่า พวกเขาไม่ได้ต่อต้าน AI แต่คัดค้านวิธีที่ Meta ใช้ เพราะทำให้ผู้เปราะบางอย่าง คุณตาหลงเชื่อจนเสียชีวิต “ถ้ามันไม่โกหกว่าเป็นคนจริง ๆ เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น” ภรรยากล่าวอย่างเจ็บปวด

 

แม้เวลาผ่านไป 4 เดือน แต่ AI Chatbot ของ Meta อย่าง “Big sis Billie” และตัวละครอื่น ๆ ยังคงสนทนาเชิงโรแมนติกกับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง หลายครั้งถึงขั้นชวนออกเดต แสดงให้เห็นว่าปัญหานี้ยังคงดำเนินต่อไป และอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมซ้ำรอย หากขาดการกำกับดูแลอย่างจริงจัง

ข้อมูลจาก Reuters