"มหาดไทย"มอบ นโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวง (8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข)

มหาดไทย มอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย (8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข) มุ่งสู่เป้าหมายสุดท้าย คือการเป็นที่พึ่งของประชาชนด้วยแนวคิด “นักปกครองเพื่อประชาชน”
วันนี้ 7 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย (8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข) และการขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยถือเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานใกล้ชิด และส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ในการขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนได้เคยกล่าวและแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะนำพาพวกเรา “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อพี่น้องประชาชนไว้แล้วว่า “มหาดไทยต้องดีกว่าเดิม : มองไกล ใจเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่งประชาชน” เพื่อเป้าหมายสำคัญ คือ ความสุขที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งประเทศ 8 นโยบาย
ประกอบด้วย 3 ไร้ทุกข์ และ 5 สร้างสุข เชื่อมโยงกันให้เห็นผลอย่างรวดเร็วเป็นรูปธรรม ซึ่งกลุ่มนโยบายแรก “3 ไร้ทุกข์” คือ
(1)การเร่งปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดเชิงรุกทุกพื้นที่ มุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนการ Re X-ray อย่างต่อเนื่อง
การปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้เสพ การยกระดับกระบวนบำบัด รักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดให้กลับคืนเป็นคนดีสู่สังคมไปจนถึงการเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตามนโยบาย “Seal Stop Safe” ของรัฐบาล
ซึ่งได้ทำใน 14 จังหวัด 52 อำเภอชายแดน และ 76 สถานีตำรวจ ภายใต้เป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน คือ จะต้องไม่มีผู้ค้า ผู้เสพ ในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน หรือ “No Drugs No Dealers”
(2)การเร่งจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ อาทิ การครอบครองอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม การเปิดสถานบริการที่ผิดกฎหมาย การพนัน การค้ามนุษย์ การก่ออาชญากรรม รวมทั้งการเฝ้าระวังการลักลอบการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายโดยชาวต่างชาติ ตลอดจนนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่แฝงตัวเข้ามาประกอบธุรกิจมืด เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน แรงงานข้ามชาติ และอาชญากรรมออนไลน์ เป็นต้น พร้อมแสดงผลสำเร็จทุกไตรมาส
(3)การสร้างพื้นที่ทั่วประเทศไทยให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยมุ่งพัฒนาและจัดระเบียบพื้นที่ชุมชนเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่เสี่ยง การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)การออกแบบพื้นที่ทางกายภาพ ให้รองรับการใช้งานของกลุ่มเปราะบาง เช่น ทางเดินเท้า สวนสาธารณะ สุขาสาธารณะ การจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ (Cell Broadcast System: CBS) รวมถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ครอบคลุมทุกพื้นที่
ต่อมาคือ แนวทาง“5 สร้างสุข”ประกอบด้วย
(1)การเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน อย่างเป็นระบบ คืนรอยยิ้มให้ครอบครัว กล่าวคือ หนี้ครัวเรือนจะต้องได้รับการแก้ไข ประชาชนมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น มีการออมที่เป็นหลักประกันและมีวินัยทางการเงิน
(2)การเร่งสร้างเสริมสุขภาวะและการศึกษาชุมชน/หมู่บ้านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในประเด็นสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่
1) ด้านสุขภาพรองรับและดูแลผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพโดยพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสุขภาพของ อปท. ให้เป็น “ผู้จัดการดูแลผู้สูงอายุ” ควบคู่กับการพัฒนา “เศรษฐกิจสุขภาพ” ในชุมชน เช่นอาหารปลอดภัย Farm To Table ในระดับชุมชน ภายใต้แนวคิด “ป่วยยาก หายง่าย อาหารดี อากาศดี สุขภาพดี” จัดตั้ง “1 ตำบล 1 สวนสมุนไพร” และ “1 หมู่บ้าน 1 ครัวอาหารปลอดภัย”
และ 2) ด้านการศึกษาพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดอย่างเต็มที่ ทั้งในมิติของ “การสร้างปัญญา” “การสร้างอาชีพ” และ “การยกระดับทักษะการแข่งขันทางวิชาการ” ของเด็กและเยาวชน ให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ฉลาด เก่ง ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในอนาคต
(3)การเร่งสร้างเมืองคึกคัก เน้น Soft Power รักษ์ศิลปวัฒนธรรม สร้างนวัตกรรมและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจที่สร้างรายได้และการออมให้ครัวเรือนที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สนับสนุนนโยบายรัฐบาลโครงการ “1 ตำบล 1 Start-up” และ Soft Power ผ่านอุตสาหกรรม 5F (Food อาหารไทยFilm ภาพยนตร์Fashion แฟชั่นFighting มวยไทย และ Festival) เทศกาลเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาชุมชนด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ยกระดับกิจกรรมเศรษฐกิจฐานราก ให้มีคุณภาพและมาตรฐานรวมถึงการขับเคลื่อน OTOP สู่สินค้าเชิงคุณภาพ
โดยยกระดับสู่ ThaiWORKS and Beyond สร้างเรื่องราวสร้างแบรนด์ และเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ให้สินค้า OTOP ของไทยก้าวไกลไปสู่ตลาดสากล
(4) การเร่งปรับปรุงบริการภาครัฐ ให้สะดวก รวดเร็ว ตรงใจ ทันสมัย ทันโลก ภายใต้แนวคิด “การบริการภาครัฐ รวดเร็ว ตรงใจ ตอบสนองความต้องการประชาชน” ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทยสู่การเน้นผลลัพธ์ของงาน รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพโดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนแบบดิจิทัลและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างตรงจุดด้วยจิตสำนึกแห่งการรับใช้ประชาชน
(5)การเร่งปรับปรุงระบบรับเรื่องร้องทุกข์ ให้เข้าถึงและแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ เร็วขึ้นมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ ด้วยการยกระดับบทบาทและขีดความสามารถของศูนย์ดำรงธรรม พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการรับเรื่องราวร้องทุกข์ และส่งเสริมบทบาทของจิตอาสาและเครือข่ายภาคประชาชนในการร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ตลอดจนขอให้มีการพัฒนาศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายภาคประชาชนให้มีบทบาทในการช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ในพื้นที่ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญทั้ง 8 ด้านของกระทรวงมหาดไทย นั้น กระทรวง กรม ก็ได้ จัดตั้ง “คณะกรรมการและคณะทำงานขับเคลื่อนและติดตามนโยบายมหาดไทย” เพื่อทำหน้าที่ช่วยอำนวยการ กำกับ ติดตามเป็นพี่เลี้ยง และสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจและสื่อสารไปยังกลไกในทุกระดับ
รวมถึงประชาชนอย่างทั่วถึงซึ่งทุกจังหวัดจะดำเนินการจัดตั้ง “คณะกรรมการและคณะทำงานขับเคลื่อนและติดตามนโยบายมหาดไทยของจังหวัด” ไปพร้อม ๆ กับส่วนกลาง เพื่อให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในระดับพื้นที่
เพื่อเป็นกลไกที่จะสร้าง “พลังการเปลี่ยนแปลง” มหาดไทย ดีกว่าเดิม เร็วและเห็นผล ที่เริ่มต้นจากพื้นที่ มาสู่กระทรวงและรัฐบาล พร้อมขอให้ทุกท่านร่วมกันทุ่มเทแรงกายแรงใจในการผลักดันทุกนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เป็นนักบริหาร ที่บริหาร ด้วยหัวใจหนึ่งเดียว “นักปกครองเพื่อประชาชน”เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และเป็นที่พึ่งของประชาชน