ผู้เชี่ยวชาญแนะ กินอาหารเย็นช่วงไหนดีที่สุด ส่งเสริมคุณภาพการนอน

เรื่องมื้อเย็นที่ควรรู้: ไม่ใช่แค่ "กินอะไร" แต่ "กินเมื่อไหร่" ก็เปลี่ยนสุขภาพได้!

หลีกเลี่ยงโรคอ้วน–หลับไม่สนิท ด้วยการปรับเวลาอาหารเย็นให้เหมาะสม

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ หลายคนมักทานมื้อเย็นล่วงเลยไปถึงช่วงดึก ซึ่งอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความจริงกลับส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน ตั้งแต่การนอนหลับ ระบบย่อยอาหาร ไปจนถึงความเสี่ยงโรคเรื้อรังอย่างโรคอ้วนและเบาหวาน

งานวิจัยจาก International Journal of Obesity ชี้ว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเย็นหลัง 20.00 น. มีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนสูงกว่าผู้ที่ทานก่อน 18.00 น. ถึง 25–48% อันเป็นผลจากระบบเผาผลาญที่ทำงานช้าลงในช่วงค่ำ ทำให้พลังงานที่ได้รับเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมได้ง่าย

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การรับประทานอาหารดึกยิ่งเพิ่มความเสี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

นอกจากนี้ การกินอาหารเย็นใกล้เวลาเข้านอน ยังส่งผลต่อระบบย่อยอาหารโดยตรง ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ท้องอืด หรือโรคกระเพาะเรื้อรัง อีกทั้งยังส่งผลให้หลับยาก นอนไม่ลึก หรือฝันบ่อย เพราะระบบย่อยยังทำงานอยู่ในขณะที่ร่างกายพยายามพักผ่อน

จากข้อมูลของเว็บไซต์ Aboluowang แนะนำว่า เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทานอาหารเย็นคือช่วง 18:00 – 19:30 น. และควรเว้นระยะห่างจากเวลาเข้านอนไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เช่น หากนอนเวลา 22:30 น. ควรทานอาหารให้เสร็จไม่เกิน 19:30 น. โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ควรทานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แนะนำไม่เกิน 17:30–18:00 น.

กินให้ถูกเวลา = สุขภาพดีขึ้นหลายด้าน

การรับประทานอาหารเย็นให้เร็วขึ้นมีประโยชน์มากมาย เช่น

-  ลดความเสี่ยงโรคอ้วน

-  ส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร

-  ควบคุมน้ำตาลในเลือด

-  ป้องกันโรคในระบบทางเดินอาหาร

-  ส่งเสริมการนอนหลับให้ลึกและต่อเนื่อง

มื้อเย็นที่ดีไม่ใช่แค่ “กินอะไร” แต่ต้อง “กินเมื่อไหร่” ถึงจะสุขภาพดีครบทุกด้าน!