รู้จัก “โรคสมองเสื่อมส่วนหน้า” โรคหายากที่เปลี่ยนพฤติกรรม-ภาษา

โรคสมองเสื่อมส่วนหน้า (Frontotemporal Dementia – FTD) คือภาวะสมองเสื่อมที่แตกต่างจากอัลไซเมอร์อย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ได้เริ่มต้นจากความจำเสื่อม
โรคสมองเสื่อมส่วนหน้า (Frontotemporal Dementia – FTD) คืออะไร?
โรคสมองเสื่อมส่วนหน้า หรือ FTD เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเนื้อสมองบริเวณ กลีบหน้า (Frontal Lobe) และ/หรือ กลีบขมับ (Temporal Lobe) ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับพฤติกรรม การตัดสินใจ บุคลิกภาพ และภาษา แตกต่างจากอัลไซเมอร์ที่เริ่มจากการสูญเสียความจำเป็นหลัก
อาการเด่นของ FTD
FTD สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มอาการหลัก ได้แก่:
1. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง (Behavioral Variant FTD – bvFTD)
ทำสิ่งไม่เหมาะสม พูดตรงเกินไป
ขาดความเห็นใจผู้อื่น
ซึมเศร้าเฉยชา หรืออารมณ์แปรปรวน
ย้ำคิดย้ำทำหรือทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ
2. ปัญหาด้านภาษา (Primary Progressive Aphasia – PPA)
พูดผิด ใช้คำไม่ถูก
พูดติดขัด เข้าใจภาษายาก
สุดท้ายอาจพูดไม่ได้เลย
3. อาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Motor Symptoms)
กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เดินลำบาก
อาจเกิดร่วมกับโรค ALS หรือคล้ายพาร์กินสัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง (เช่น Tau, TDP-43, FUS)
มี ความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ประมาณ 30–40% ของผู้ป่วย
มักเกิดใน ช่วงอายุ 45–65 ปี
การวินิจฉัย
ซักประวัติและพฤติกรรมโดยแพทย์
ตรวจสมองด้วย MRI หรือ PET Scan
แบบทดสอบสภาพจิตใจ (Neuropsychological testing)
ตรวจพันธุกรรมในกรณีมีประวัติครอบครัว
การรักษาและการดูแล
ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด การดูแลมุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการและรักษาคุณภาพชีวิต:
ให้ยาเพื่อควบคุมพฤติกรรม เช่น ยาต้านซึมเศร้า (SSRIs)
ฝึกพูด ฝึกการสื่อสาร
การฟื้นฟูสมอง (Cognitive therapy)
การดูแลใกล้ชิดจากครอบครัวและผู้ดูแล
ความเข้าใจจากคนรอบข้างคือกุญแจ
FTD เป็นโรคที่ “พรากตัวตนของผู้ป่วย” อย่างช้า ๆ คนที่เคยใจดี อ่อนโยน อาจกลายเป็นคนที่พูดหยาบ พฤติกรรมเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจสร้างความเจ็บปวดแก่ครอบครัวหากไม่เข้าใจว่า “นั่นคืออาการของโรค”
ความสำคัญในระดับสากล
กรณีของคนดังอย่าง บรูซ วิลลิส ที่ป่วยด้วยโรค FTD ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวและให้ความสนใจต่อโรคนี้มากขึ้น ช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ในแวดวงแพทย์และสังคมว่า "โรคสมองเสื่อม" ไม่ได้หมายถึงแค่ "ลืม"
สรุป
โรคสมองเสื่อมส่วนหน้า (FTD) คือโรคที่เปลี่ยนพฤติกรรมและภาษาโดยยังคงความจำไว้ในระยะแรก การสังเกตอาการไว และการดูแลอย่างเข้าใจจากครอบครัว คือสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพชีวิต