เงินในบัญชีวัด - อดีตเจ้าคุณอาชว์ คำพูดก่อนสึก "ผมหมดบุญแล้ว"

กรณีอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ “เจ้าคุณอาชว์” กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการสงฆ์ เมื่อพบว่าได้ลาสิกขาแบบกะทันหันที่จังหวัดหนองคาย ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการตรวจสอบบัญชีของวัดตรีทศเทพที่พบความไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการโอนเงินจากบุคคลที่สามไปยังหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งมีความใกล้ชิดกับอดีตพระรูปนี้หลายรายการ รวมมูลค่าตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ทั้งนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับบัญชีวัดหรือไม่ หากพบว่าเป็นเงินของวัด อาจมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมตามกฎหมาย

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างอดีตเจ้าคุณอาชว์กับหญิงสาวที่เรียกกันว่า “สีกา ก.” เริ่มต้นจากการโทรศัพท์พูดคุยกันในเดือนพฤษภาคม 2567 และเริ่มพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้นปี 2568 อดีตพระเริ่มตีตัวออกห่าง สีกา ก. จึงใช้แชตและคลิปส่วนตัวแบล็กเมล์ จนพระชั้นผู้ใหญ่ต้องเจรจาให้สึกเพื่อป้องกันความเสียหายต่อวงการสงฆ์ แต่เจ้าตัวยังไม่ยอม จนในคืนวันที่ 26 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่าอดีตพระถูกช่วยพาหลบหนีไปยังวัดใน จ.ลพบุรี และต่อไปยัง จ.หนองคาย ก่อนเดินทางออกนอกประเทศในคืนถัดมา และกลับเข้ามาในไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าได้ออกนอกประเทศอีกหรือไม่

 

ด้านเพจ “ท่านเปา” ซึ่งติดตามและเปิดเผยกรณีนี้ระบุว่า สีกา ก. หรือ “น้องดอกไม้” เป็นหญิงสาวจากจังหวัดพิจิตร ฐานะยากจน การศึกษาจบเพียง ม.3 เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ โดยมักจะเข้าออกวัดเป็นประจำเวลามีปัญหาชีวิต และใช้โอกาสนี้ตีสนิทพระผู้ใหญ่ในวัดชื่อดังได้ภายในเวลาเพียง 5 วัน จนนำไปสู่พฤติกรรมลุกลามถึงขั้นแอบอ้างว่าตั้งครรภ์กับพระ

 

เหตุการณ์ยิ่งบานปลายเมื่อสีกา ก. เรียก “ค่าเลี้ยงดู” เดือนละ 32,000 บาท ยาวต่อเนื่องจนลูกมีอายุ 20 ปี รวมยอดเงินสูงถึง 7 ล้านบาท สุดท้ายพระรูปดังกล่าวไม่สามารถทนแรงกดดันได้ จึงลาสิกขาและหนีข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ก่อนกลับเข้าไทยในเวลาต่อมา

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าสีกา ก. ไม่ได้ก่อเหตุลักษณะนี้เป็นครั้งแรก โดยมีพระอีก 2 วัดที่เคยตกเป็นเหยื่อเช่นกัน และทั้งสองรูปก็เป็นพระที่มีชื่อเสียงระดับประเทศทั้งสิ้น

 

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้พูดถึงกรณีนี้ว่า สีกา ก. เปรียบเสมือน “เพชฌฆาตในวงการสงฆ์” เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยทำพระเปรียญ 9 ประโยคต้องสึกมาแล้ว 2 รูป พร้อมเปิดเผยคำพูดสุดท้ายของทิดอาชว์ก่อนลาสิกขาว่า “ผมหมดบุญแล้ว” โดยพระพยอมให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า น่าเสียดายที่พระรูปหนึ่งต้องตกจากสถานะสูงส่งเพราะขาดสติและไม่ยับยั้งชั่งใจ

 

ขณะเดียวกัน ด้านการดำเนินคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดของวัดตรีทศเทพ รวมถึงบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าคุณอาชว์ เพื่อวิเคราะห์ว่ามีการทุจริตหรือเบิกถอนเงินวัดไปใช้โดยมิชอบหรือไม่

 

โดยจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า วัดตรีทศเทพมีบัญชีทั้งหมด 5 บัญชี ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นบัญชีบำรุงศาสนสถานที่มีเงินอยู่ราว 2 ล้านบาท ส่วนอีก 4 บัญชีมีเพียงหลักแสนต้น ๆ ขณะที่บัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์มีเงินอยู่ประมาณ 2 แสนกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งหากพบว่าเงินที่โอนให้นางสาว ก. มีที่มาจากเงินวัด จะเป็นหลักฐานสำคัญต่อการดำเนินคดีในลำดับถัดไป