เตือน! กินผักชีให้ดีต่อสุขภาพ แต่อย่ามองข้ามผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

" ผักชี "กลิ่นหอมที่มากด้วยคุณค่า แต่ต้องระวังผลข้างเคียง

“ผักชี” ผักกลิ่นหอมที่คนไทยคุ้นเคยมานาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงโรยหน้าอาหาร เพิ่มกลิ่นหอมในแกง หรือใช้เป็นสมุนไพรในตำรับยาไทย นอกจากรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวแล้ว ผักชี ยังแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อควรระวังที่ผู้บริโภคไม่ควรมองข้าม

ประโยชน์ของผักชี

ผักชีมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ควอซิทิน (quercetin) และลินาลูล (linalool) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อยได้ดี

ในแพทย์แผนไทย ผักชีถูกนำมาใช้ในตำรับยาขับเหงื่อ ลดไข้ ขับลม และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต รวมถึงสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ โดยเฉพาะการช่วยลดการระคายเคืองจากสิวหรือผื่น

งานวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าผักชีอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในขณะที่เพิ่มไขมันดี (HDL) ได้อีกด้วย

 

โทษของผักชี

แม้ผักชีจะมีคุณค่าทางสุขภาพสูง แต่ก็มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอาการแพ้ อาจเกิดผื่นแดง คัน ปากบวม หรือหายใจติดขัดหลังรับประทานผักชี นอกจากนี้ ผักชียังมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต หากรับประทานในปริมาณมาก อาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ อ่อนแรง หรือหน้ามืดได้

ในบางกรณี ผักชีอาจมีผลต่อสมดุลฮอร์โมนภายในร่างกาย โดยเฉพาะหากบริโภคในรูปแบบสกัดเข้มข้นหรือใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังมีรายงานว่า น้ำผักชีสดอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังหากใช้โดยไม่เจือจาง

คำแนะนำในการบริโภค

ผู้ที่ชื่นชอบผักชีควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ใช้เป็นเครื่องปรุงหรือผักแกล้ม ไม่ควรบริโภคในรูปแบบสกัดหรือสมุนไพรเข้มข้นโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และควรสังเกตอาการผิดปกติหลังบริโภคทุกครั้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารหรือผักกลิ่นแรง

สรุป ผักชีเป็นพืชสมุนไพรที่ให้คุณค่าทางสุขภาพหลากหลาย แต่ต้องบริโภคด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออาการแพ้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากพืชกลิ่นหอมชนิดนี้โดยไม่เกิดผลกระทบต่อร่างกาย