เปิดชนวนเหตุปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง รู้ตัว 2 ใน 7 คนร้ายแล้ว

  จากรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่าศูนย์วิทยุผ่านฟ้าได้รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เบื้องต้นพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณลานจอดรถชั้น 2 ของห้าง โดยกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนและมีด ข่มขู่ชิงเงินสดจำนวน 3.4 ล้านบาท ก่อนหลบหนีด้วยรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน ขก 1116 นครสวรรค์

ตามรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้เสียหายและกลุ่มคนร้ายได้มีการนัดมาซื้อขายเงินคริปโตกันที่ห้างดังกล่าว โดยผู้เสียหายได้นำเงินสด 3.4 ล้าน มาเพื่อจ่ายแลกกับเงินคริปโต แต่ถูกฝ่ายคนร้ายชิงเงินสดทั้งหมดและขับรถหนีไป

ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน อยู่ระหว่างลงพื้นที่ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และติดตามตัวมาดำเนินคดี

ความคืบหน้า 30 มิ.ย.68 เมื่อ เวลา 21.15 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เดินทางมาที่ สน. พหลโยธิน ประชุมความคืบหน้าคดี คนร้ายใช้ปืนและมีดปล้นเงินกว่า 3 ล้านบาท บริเวณลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

หลังสอบปากคำผู้เสียหาย ทราบว่าได้นำเงินสดกว่า 3 ล้านบาทมาเพื่อแลกเปลี่ยนเงินคริปโต โดยคนร้ายมีทั้งหมด 7 คน ใช้รถยนต์ 2 คัน และเพิ่งรู้จักกับคนร้ายบางรายได้เพียงประมาณ 1 เดือน ผ่านกลุ่มแลกเปลี่ยนเหรียญในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยว่า จากข้อมูลที่สอบถามผู้เสียหาย ทางเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวคนร้ายได้แล้ว 2 ราย จากทั้งหมด 7 คน โดยในกลุ่มผู้ก่อเหตุประกอบด้วยชาย 5 คน หญิง 1 คน และสาวประเภทสองอีก 1 คน

สำหรับรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ คันแรกคือฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน ขก 1116 นครสวรรค์ ตรวจสอบแล้วเป็นทะเบียนจริงตรงกับรุ่นและยี่ห้อ ขณะที่รถอีกคันเป็นฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียนจังหวัดนนทบุรี  

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.) เวลา 9.30 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าคดีปล้นเงินสดมูลค่า 3.4 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือ “หนาว” และ น.ส.นานา พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 1.9 ล้านบาท ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 1

ของกลางที่ตรวจยึดได้ ได้แก่ เงินสด เสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ บัญชีธนาคาร บัตร ATM และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิด ก่อนหน้านี้

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งสองคนรับสารภาพว่าใช้วิธีแอบอ้างเป็น Agent ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ผ่านกลุ่ม Facebook โดยหลอกลวงเหยื่อผ่านแชต จากนั้นนัดพบเพื่อทำทีซื้อขาย เมื่อเห็นว่าเหยื่อมีเงินสดจริง จึงล่อลวงขึ้นรถไปปล้นทรัพย์
 

คดีนี้ ผู้เสียหายเคยถูกหลอกไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 500,000 บาท ก่อนจะถูกหลอกให้มาพบกันอีกครั้งเพื่อปิดดีลใหญ่ มูลค่า 3.4 ล้านบาท ณ ห้างลาดพร้าว

จากหลักฐานกล้องวงจรปิด พบว่า น.ส.นานา มีบทบาทเป็นผู้ขับรถ Honda Civic สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขก-1116 นครสวรรค์ และทำหน้าที่รับผู้เสียหายขึ้นรถเพื่ออำพรางเหตุการณ์

ภายหลังก่อเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาได้พาทั้งสองไปส่งที่บ้านเช่าย่านประชานิเวศน์ 3 แบ่งเงินกัน และให้ค่าเดินทางหลบหนีไปซ่อนตัวในรีสอร์ตอีกแห่งย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบอาวุธปืนตามที่ผู้เสียหายให้การ โดยเชื่อว่าเป็นเพียงการข่มขู่ของผู้ก่อเหตุเท่านั้น

ขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการอีก 5 คน รวมเป็นทั้งหมด 7 ราย โดยตัวการใหญ่คือ “นายปุ่น” ซึ่งได้รับเงินส่วนแบ่งอีก 1.5 ล้านบาท ทั้งหมดเคยร่วมก่อเหตุในลักษณะคล้ายกัน และมีประวัติพัวพันยาเสพติด รวมถึงพักอาศัยร่วมกันมาก่อน

ตำรวจเตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 5 รายในช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมกับตรวจสอบว่ากลุ่มดังกล่าวเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ โดยพบว่า 4 รายในกลุ่มที่ยังไม่ถูกจับ มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และยาเสพติดมาก่อน

นอกจากนี้ พบว่า นายเฌอพัชญ์ และ น.ส.นานา เคยถูกออกหมายจับจาก สน.โคกคราม ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์มาก่อนหน้านี้

พล.ต.ท.สยาม ยังกล่าวเตือนประชาชนว่า คดีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับการหลอกลวงในวงการซื้อขายคริปโตฯ โดยเตือนว่าไม่ควรซื้อขายผ่าน Agent นอกระบบ แม้จะได้กำไรมากกว่า โดยในกรณีนี้ ผู้เสียหายถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอผลตอบแทนสูงถึง 60,000 บาท จากเงินลงทุน 3.4 ล้านบาท จนตกเป็นเหยื่อ

ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี และจะดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป