เปิดอาชีพแท้จริง อดีตพนักงาน ให้นายจ้างยืม 3.8 ล้าน แลกเช็ก 100 ใบ

เมื่อเวลา 11:30 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร นางสมสกุล (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี อดีตพนักงานบริษัทเอกชนย่านคลองเตย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พร้อมด้วย จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. และทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตนายจ้าง ฐานยืมเงินรวมกว่า 3.8 ล้านบาท แล้วออกเช็กเงินสดเกิน 100 ฉบับ แต่ไม่สามารถนำไปขึ้นเงินได้

 

นางสมสกุล เล่าว่า เธอรู้จักกับภรรยาของผู้จัดการและเจ้าของบริษัทนี้มานานกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นผู้ชักชวนให้มาทำงานด้วย ตอนแรกเปิดเป็นเพียงร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ก่อนจะจดทะเบียนเปลี่ยนสถานะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด เธอทำงานในตำแหน่งพนักงานทั่วไป โดยทั้งบริษัทมีพนักงานเพียงสองคน ได้รับค่าจ้างรายวันวันละ 300 บาท ก่อนจะปรับเป็นเดือนละ 20,000 บาท และเพิ่มเป็น 30,000 บาทในเวลาต่อมา

หลังจากที่ภรรยาของผู้จัดการได้หย่าร้างแยกทางกันไป นางสมสกุลก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม โดยผู้จัดการมีความคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณแม่ของเธอเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ เมื่อธุรกิจมีปัญหา ผู้จัดการมักจะไปขอหยิบยืมเงินจากคุณแม่ของเธอมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 2-3 แสนบาท ซึ่งทุกครั้งผู้จัดการก็จะเขียนเช็กเงินสดไว้ให้ครบตามจำนวนที่ยืมไป

ต่อมาในปี 2567 ธุรกิจของบริษัทประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ผู้จัดการได้มาปรึกษาและออกปากขอยืมเงินจากนางสมสกุล ซึ่งเธอมีเงินเก็บที่ได้จากคุณแม่จำนวนกว่า 2 ล้านบาท แต่ผู้จัดการต้องการมากกว่านั้น จึงไปขอยืมจากคุณแม่อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งเงินของเธอและคุณแม่เป็นจำนวนรวม 3.8 ล้านบาท โดยผู้จัดการได้ตีเช็กเงินสดไว้ให้จำนวนกว่า 100 ใบ 

 

แต่เมื่อถึงกำหนดนำเช็คไปเข้าธนาคารกลับไม่สามารถเบิกเงินได้ เมื่อพยายามทวงถามเงินคืนจากเจ้าของบริษัท นางสมสกุลกลับได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิด โดยผู้จัดการบอกให้ "อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากได้รับอันตราย" และไม่อยากให้เธอนำเรื่องนี้ไปฟ้องคุณพ่อของผู้จัดการ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้มีบุญคุณที่คอยช่วยเคลียร์หนี้สินทางการเงินให้เขามาโดยตลอด

 

ด้วยความกังวลในความปลอดภัยและไม่ได้รับความเป็นธรรม นางสมสกุลจึงตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา และเข้าขอความช่วยเหลือจากจ่าคิงส์และทนายเจสเพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็ก และข้อหาข่มขู่คุกคาม

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการช่วยเหลือทางกฎหมายต่อไป