ข่าว

heading-ข่าว

บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน

27 มิ.ย. 2568 | 09:51 น.
บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน

บุกค้นร้านทองดังกลางกรุงเทพมหานคร รวบ 2 ผู้บริหาร โยงคดีหลอกลงทุนทอง ผู้เสียหายแห่แจ้งความ สูญกว่า 500 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2568 เกิดเหตุระทึกกลางกรุงเทพมหานคร ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.), กองปราบปราม และ ปคบ. สนธิกำลังบุกค้นร้านทองชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมจับกุม 2 ผู้บริหาร หลังมีผู้เสียหายจำนวนมากแจ้งความถูกหลอกซื้อ-ขายทองคำผ่านหน้าร้านและแอปพลิเคชัน โดยบริษัทมีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยง ส่งผลให้มีผู้สูญเงินรวมกว่า 500 ล้านบาท

บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ประกอบด้วย

  1. นายพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ตามหมายจับที่ 3747/2568 ลงวันที่ 24 มิ.ย. 2568
  2. นายอาศุพล (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ตามหมายจับที่ 3748/2568

ทั้งสองถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม
บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน

ฐานความผิด “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน

พฤติการณ์

เมื่อประมาณเดือน มีนาคม 2568 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายรวม 69 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดในลักษณะร้านทอง หลังซื้อทองไม่ได้ทอง  ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร โดยบริษัทแห่งนี้ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำผ่านหน้าร้านและผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งมีรูปแบบการประกอบธุรกิจ คือ เทรดทองคำแท่งผ่านแอพพลิเคชัน และเว็บไซต์ชื่อเดียวกับชื่อร้านทอง, รับซื้อ-ขายทองคำและรับหลอมทองคำ มีการชักชวนประชาชนทั่วไปให้สมัครสมาชิก เทรด ซื้อ ขาย และนำทองคำมาหลอมกับบริษัทฯ โดยเสนอรับซื้อ-ขาย ในราคาที่ดีกว่า ราคาทองคำที่สมาคมทองคำกำหนด คิดค่าหลอมต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น

โดยในช่วงต้นปี 2568 บริษัทฯ เริ่มมีการผัดผ่อนการชำระเงิน และการส่งมอบทองคำ เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ได้ประกาศระงับการให้บริการ โดยปิดทั้งช่องทางหน้าร้าน และหยุดการให้บริการทั้งหมด ทำให้มีกลุ่มลูกค้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 500 ล้านบาท


เนื่องด้วยคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง เป็นคดีที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ประกอบกับสื่อมวลชนให้ความสนใจ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานงานสืบสวนสอบสวน คลี่คลายคดีนี้ โดยประกอบด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 3 กองบังคับการ ในสังกัด ได้แก่ บก.ปอศ., บก.ปคบ. และ บก.ป.คณะพนักงานสืบสวนสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน อนุมัติหมายจับต่อศาล ออกหมายจับ


นายพิพัฒน์ฯ และนายอาศุพลฯ ซึ่งเป็น กรรมการของ บริษัทดังกล่าว ในความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันโดยทุจริต

 

หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

บุกร้านทองดังกลางกรุง รวบ 2 ผู้บริหาร หลังเหยื่อสูญเงิน 500 ล้าน
ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ., กก.1 บก.ปคบ., กก.1 บก.ป., กก.3 บก.ป และ กก.5บก.ป. ได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้นจำนวน 3 จุด พื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครราชสีมา,  จ.ราชบุรี จนนำไปสู่การจับกุมตัว นายพิพัฒน์ฯ และนายอาศุพลฯ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐาน เป็นคอมพิวเตอร์ จำนวน 22 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง, แท็บเล็ต จำนวน 2 เครื่อง,

 

โน้ตบุ๊ค จำนวน 8 เครื่อง, โทเคนธนาคาร จำนวน 9 ชิ้น, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม, ฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูล SSD จำนวน 1 อันพยานเอกสาร จำนวน 14 ลัง นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 21 บัญชี คิดเป็นยอดเงินรวมกว่า 54 ล้านบาท เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตำ

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

จัดบ้านให้มีพลังงานดี ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ในปี 2025

จัดบ้านให้มีพลังงานดี ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ในปี 2025

สะเทือน 2 ราศี! "หมอช้าง" เตือนระวังดวงแตกหัก เกิดความขัดแย้ง

สะเทือน 2 ราศี! "หมอช้าง" เตือนระวังดวงแตกหัก เกิดความขัดแย้ง

เหตุน้ำท่วมรุนแรงในกุ้ยโจวประเทศจีน คร่าชีวิตประชาชน 6 ราย

เหตุน้ำท่วมรุนแรงในกุ้ยโจวประเทศจีน คร่าชีวิตประชาชน 6 ราย

สูญเสีย ครูวงโยธวาทิต บุคลากรที่ทรงคุณค่า เสียชีวิตจากไปกะทันหัน

สูญเสีย ครูวงโยธวาทิต บุคลากรที่ทรงคุณค่า เสียชีวิตจากไปกะทันหัน

เปิดดวงคนเกิดทั้ง 7 วัน ใครมีเกณฑ์ถูกรางวัลใหญ่ รับทรัพย์เข้ากระเป๋า

เปิดดวงคนเกิดทั้ง 7 วัน ใครมีเกณฑ์ถูกรางวัลใหญ่ รับทรัพย์เข้ากระเป๋า