รู้ก่อนฉีด! ต้องทำความเข้าใจ “วัคซีนงูสวัด” ได้ผลดีจริงไหม

วัคซีนงูสวัดรุ่นใหม่ได้ผลดีแม้ในผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ผลข้างเคียงจากการอักเสบหลังฉีดควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจฉีด! ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและชัดเจน
วัคซีน งูสวัดผลข้างเคียงที่มีจริงและต้องทำความเข้าใจ
วัคซีนงูสวัด หรือชื่อทางการว่า Recombinant Zoster Vaccine (RZV) อย่าง Shingrix® เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูง
ช่วยป้องกันโรคงูสวัดได้ดีแม้ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะวัคซีนนี้ ไม่ใช่เชื้อเป็น จึงปลอดภัยกว่าแบบเดิม แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนเรื่องการอักเสบในร่างกาย
ทำไมบางคนถึงกังวล?
แม้วัคซีนนี้จะได้ผลดี แต่ก็มี ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและชัดเจน โดยเฉพาะหลังฉีดวัคซีน เข็มแรกหรือเข็มที่สอง เช่น
ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด
มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือปวดกล้ามเนื้อ
มันเกิดจากอะไร?
มีการศึกษาวิจัยในหนูทดลอง ซึ่งพบว่า หลังฉีดวัคซีน มีการหลั่ง “ไซโตไคน์” ซึ่งเป็นสารอักเสบในร่างกาย เช่น
IL-6 และ G-CSF: กระตุ้นอาการอักเสบเฉียบพลัน เช่น บวม แดง ปวด
IL-10: เป็นตัวช่วยลดการอักเสบ (ร่างกายพยายามควบคุมตัวเอง)
IFN-γ, IL-4, IL-5: สะท้อนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทั้งแบบ Th1 และ Th2
โดยเฉพาะหลัง เข็มที่ 2 จะยิ่งมีการตอบสนองมากขึ้น ซึ่งตรงกับที่คนจำนวนมากมักบอกว่า “อาการหลังเข็มสองแรงกว่า”
สรุปว่า...ควรฉีดไหม?
วัคซีนชนิดนี้ มีความคุ้มค่าในการป้องกันโรคงูสวัด ซึ่งมักทำให้ผู้ป่วยทรมานจากอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
แต่ควรทราบไว้ว่า ผลข้างเคียงเป็นเรื่องปกติ และจะหายภายในไม่กี่วัน หากมีอาการมาก แนะนำให้พบแพทย์
FB: ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
บทความโดย นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ
รองประธานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานและวิจัย
ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข ม.รังสิต
อ้างอิง: https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9413309/