สมเด็จฮุน เซน เรียกร้องแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ก่อนถูกไทยขับไล่

สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาที่พำนักและทำงานอยู่ในประเทศไทยเดินทางกลับประเทศ
วันที่ 14 มิถุนายน 2568 สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาที่พำนักและทำงานอยู่ในประเทศไทยเดินทางกลับประเทศโดยสมัครใจ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ทางการไทยจับกุมหรือผลักดันออกนอกประเทศ ระบุว่าใครก็ตามที่เป็นชาวกัมพูชา ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเอกสาร รัฐบาลจะยอมรับให้เดินทางกลับได้
ฮุน เซน โพสตในเฟซบุ๊กว่า “ก่อนหน้านี้ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความถึงแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตรการที่ครอบคลุมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เดินทางกลับประเทศเพื่อหางานทำหรือสร้างอาชีพใหม่
บางคนตั้งคำถามว่ามีคนกัมพูชาอยู่เมืองไทยมา 30 ปีแล้ว และต้องการมาอยู่กับแม่วัย 80 ปี แต่ไม่มีเอกสาร
ผมตอบได้ว่าใครก็ตามที่เป็นชาวเขมร ไม่ว่าจะมีเอกสารหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลจะยอมรับโดยไม่เลือกปฏิบัติ”
สมเด็จฮุนเซนยังได้เรียกร้องให้แรงงานเหล่านี้กลับบ้านเกิดก่อนที่ทางการไทยจะขับไล่พวกเขาออกไป
โดยระบุว่า “ผมพูดแบบนี้เพราะผมเข้าใจดีว่าข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทยจะยืดเยื้อไปอีกนาน โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เมื่อถึงเวลานั้น กลุ่มหัวรุนแรงไทยและกองทัพไทยจะพยายามทำร้ายพวกคุณ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
สุดท้ายฮุน เซน ได้อ้างอิงถึงคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่ระบุว่า “ในกรณีที่แรงงานกัมพูชาของเราเดินทางกลับจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดไว้แล้วเพื่อแก้ไขและจัดการสถานการณ์”
จังหวัดชายแดนไทยทั้ง 7 แห่งได้รับคำสั่งให้ทำงานร่วมกับกองกำลังชายแดนอย่างใกล้ชิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้แรงงานเดินทางผ่านแดนได้อย่างราบรื่น และเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีที่พัก อาหาร และสิ่งจำเป็นพื้นฐานชั่วคราวจัดเตรียมไว้ใกล้ชายแดน กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชาได้ร่วมมือกับเทศบาลนครพนมเปญในการเตรียมส่งแรงงานที่เดินทางกลับประเทศกลับบ้านเกิดของพวกเขา
ฮุน มาเนต ระบุเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมอาชีวศึกษา พร้อมให้ความช่วยเหลือแรงงานที่กลับประเทศในการหางานทำภายในประเทศ โดยเขากล่าวว่าขณะนี้กัมพูชากำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงานกว่า 70,000 คน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบางประเภท ซึ่งเปิดโอกาสให้แรงงานกลับเข้าเป็นกำลังแรงงานในประเทศ
และเพื่อบรรเทาภาระของแรงงานที่กลับประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังได้ประสานงานกับสถาบันอื่นๆ เพื่อให้แพ็คเกจช่วยเหลือทางสังคมและเศรษฐกิจที่มุ่งช่วยเหลือด้านการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ได้รับผลกระทบ
นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังได้เรียกร้องให้สมาคมธนาคารกัมพูชาและสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชาพิจารณาวิธีต่างๆ เพื่อหาทางบรรเทาภาระทางการเงินของแรงงานข้ามชาติที่อาจมีหนี้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินไมโครไฟแนนซ์
“ผมขอเรียกร้องให้สมาคมธนาคารและไมโครไฟแนนซ์พิจารณาทางเลือกในการบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับพี่น้องของเราที่กลับมาจากประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีหนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะชำระหนี้ล่าช้าหรือการปรับโครงสร้างชั่วคราว ขอแค่ดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง”
ฮุน มาเนต ได้สรุปคำแถลงของเขาด้วยการเน้นย้ำถึงค่านิยมดั้งเดิมของกัมพูชาในเรื่องของความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
“เมื่อประเทศชาติและประชาชนของเราเผชิญกับความยากลำบาก จิตวิญญาณแห่งความสามัคคีและการสนับสนุนซึ่งกันและกันของชาติเป็นจุดแข็งของชาวกัมพูชาเสมอมา” ฮุน มาเนต ระบุ
ข้อความดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นในโซเชียลมีเดียและการพูดคุยของสาธารณชนเกี่ยวกับความปลอดภัยและสถานะทางกฎหมายของคนงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองและภัยคุกคามจากการเนรเทศคนจำนวนมาก
แม้ว่าทางการไทยจะยังไม่ได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับการส่งกลับประเทศอย่างเป็นทางการ แต่คำแถลงของฮุน มาเนตก็เน้นย้ำให้เห็นถึงจุดยืนเชิงรุกและการเตรียมพร้อมของรัฐบาลกัมพูชา
ตามการประมาณการของกระทรวงแรงงาน พบว่าชาวกัมพูชาทำงานในประเทศไทยมากกว่าหนึ่งล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ก่อสร้าง และบริการ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ กับ Khmer Times

อัปเดตพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” ล่าสุด เตือนทั่วไทย ฝนตกหนัก

รวมเลขเด็ด “วันประสูติสมเด็จพระสังฆราช” จับตาเลขมงคลเดือน 6 นี้

ผู้มีสิทธิบัตรทอง กทม. กว่า 2.5 หมื่นคน ย้ายไป 5 รพ.เอกชนแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญเตือน อย่ามองข้าม! สระผมผิด เสี่ยงโรคไม่รู้ตัว
