ของมือสอง 3 อย่างนี้ ซื้อใหม่ดีกว่าถ้าไม่อยากเสียใจทีหลัง

ในยุคที่ของมือสองกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยประหยัดเงินและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่เหมาะกับการซื้อต่อจากผู้อื่น บางครั้งการเลือกซื้อของมือสองอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย หรือแม้แต่ประสิทธิภาพการใช้งานที่ลดลง
1. หมวกกันน็อก
ทำไมถึงไม่ควรซื้อมือสอง: หมวกกันน็อกถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องศีรษะของคุณจากแรงกระแทก ซึ่งวัสดุภายในหมวกจะเสื่อมสภาพลงเมื่อเวลาผ่านไป หรือเมื่อได้รับแรงกระแทก แม้จะเป็นการตกหล่นเพียงเล็กน้อยก็ตาม การซื้อมวกกันน็อกมือสองทำให้คุณไม่มีทางรู้ประวัติการใช้งานที่แท้จริง เช่น เคยประสบอุบัติเหตุมาหรือไม่ หรือเคยตกหล่นมาก่อนหรือเปล่า ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลงอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ หมวกกันน็อกที่เสื่อมสภาพแล้วอาจไม่สามารถปกป้องคุณได้อย่างเต็มที่ และอาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่รุนแรงได้
2. คาร์ซีทสำหรับเด็ก
ทำไมถึงไม่ควรซื้อมือสอง: คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยชีวิตและปกป้องลูกน้อยของคุณในรถยนต์ เช่นเดียวกับหมวกกันน็อก คาร์ซีทมีอายุการใช้งานจำกัด และวัสดุพลาสติกอาจเสื่อมสภาพลงเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ การที่คาร์ซีทเคยผ่านการชนมาแล้ว แม้จะมองไม่เห็นความเสียหายภายนอก ก็อาจทำให้โครงสร้างภายในเสียหายและไม่สามารถป้องกันเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป การซื้อมือสองยังทำให้คุณไม่ทราบประวัติการใช้งาน รวมถึงการเรียกคืนสินค้า (recall) ของผู้ผลิตที่อาจเกิดขึ้น หากคุณใช้คาร์ซีทที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเคยผ่านการชนมาแล้ว อาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของลูกน้อยของคุณอย่างมาก
3. รองเท้าวิ่ง
ทำไมถึงไม่ควรซื้อมือสอง: รองเท้าวิ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกและให้การซัพพอร์ตเท้าที่ดีที่สุดในขณะวิ่ง แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปเรื่อยๆ โฟมและวัสดุรองรับแรงกระแทกภายในรองเท้าจะเริ่มเสื่อมสภาพลงตามน้ำหนักและการใช้งานของผู้สวมใส่คนก่อนหน้า การซื้อมือสองหมายความว่าคุณกำลังใช้รองเท้าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งอาจสูญเสียคุณสมบัติการรองรับแรงกระแทกและการซัพพอร์ตไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อของคุณได้อย่างเต็มที่ การใช้รองเท้าวิ่งที่เสื่อมสภาพอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น อาการปวดเข่า ปวดหน้าแข้ง หรือปัญหาเกี่ยวกับเท้าอื่นๆ ตามมาได้