บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเวียดนาม 27 ราย พร้อมของกลางเพียบ

บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเวียดนาม 27 ราย พร้อมของกลางเพียบ เข้ามาตั้งฐานในไทย หลอกสูบเงินเหยื่อกว่า 39 ล้าน
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน จากนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเดินหน้าปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้าอย่างเข้มข้น เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจฯ และ พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส รอง ผกก.สายตรวจฯ นำกำลังตำรวจ 191 บุกทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเวียดนาม 27 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก ตั้งฐานปฏิบัติการในหมู่บ้านหรูย่านชานเมือง มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ตำรวจ 191 ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบกลุ่มชาวต่างชาติจับกลุ่มมั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก จึงลงพื้นที่ตรวจสอบและสืบสวน พบว่ามีบุคคลต่างด้าวเช่าบ้านจำนวน 2 หลังในหมู่บ้านหรูย่านชานเมือง และมีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงขอหมายค้นเพื่อตรวจสอบ โดยในบ้านหลังแรกพบบุคคลต่างด้าว 18 ราย และบ้านหลังที่สองอีก 9 ราย เป็นหญิง 5 ราย ชาย 22 ราย รวมทั้งหมด 27 ราย พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 116 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 45 เครื่อง และยาเสพติด (เคตามีน) จำนวน 5 กรัม
จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มชาวเวียดนามดังกล่าวเดินทางมาจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เข้ามาในประเทศไทยช่วงเดือนตุลาคม 2567 โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน โดยส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาทางด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว ก่อนจะจับกลุ่มกันมาเช่าบ้านทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
รูปแบบการหลอกลวงของกลุ่มนี้ใช้แผนประทุษกรรมแบบเดียวกับ “Romance Scam” โดยเลือกเป้าหมายเป็นชาวเวียดนาม สร้างโปรไฟล์ด้วยรูปบุคคลหน้าตาดี มีฐานะดี อ้างว่าต้องการซื้อที่ดินหรือมีอาชีพดี ๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ จากนั้นใช้คำหวานล่อลวงให้เหยื่อตกหลุมรัก ก่อนหลอกให้โอนเงินผ่านแผนต่าง ๆ เช่น อ้างว่ามีหนี้ต้องชำระเพื่อให้เหยื่อเห็นใจและโอนเงินให้ ช่องทางที่ใช้ในการหลอกลวงคือแอปพลิเคชัน “Zalo” ซึ่งเป็นแชตยอดนิยมในประเทศเวียดนาม
จากการตรวจสอบ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ปฏิบัติการแต่ละเครื่องมีผู้ต้องหานั่งประจำ และมีการหมุนเวียนกันทำงานรวม 27 เครื่อง โดยแต่ละเครื่องสามารถหลอกลวงได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,200 ล้านดอง ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 36,000 ล้านดอง หรือประมาณ 39 ล้านบาทไทย
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้เช่าบ้านทั้ง 2 หลัง ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ในราคาหลังละ 30,000 - 40,000 บาทต่อเดือน โดยมีการว่าจ้างแรงงานเข้ามาทำงานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ค่าแรงอยู่ที่ 12,000 บาทต่อเดือน และหากหลอกเหยื่อได้สำเร็จจะได้รับเงินเพิ่มอีกประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน แต่ละคนมีหน้าที่ต่างกัน เช่น พ่อครัว ช่างไฟ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็น ผอ.ศูนย์ฯ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เปิดข้อความ "กานต์" พูดตรง ๆ ถึง "อาเรวัช" เรื่อง เสก โลโซ

รับมอบรถขุดดินจากภาคเอกชน ใช้สร้างคูเลต-บังเกอร์-หลุมหลบภัย

เรียกเงิน เรียกทรัพย์ เปิดลิสต์แมวมงคล เสริมโชคลาภสำหรับสายมู

“กินข้าวแบบไหนดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ” ทางเลือกเพื่อสุขภาพดีในทุกมื้อ
