ระวัง 15 สิ่งใกล้ตัวที่คุณทำทุกวัน อาจเป็นสาเหตุ "มะเร็ง" โดยไม่รู้ตัว

หลายคนยังไม่รู้ ระวัง 15 สิ่งใกล้ตัว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ให้กับตัวคุณแบบที่ไม่รู้ตัว วันนี้เรามีข้อมูลจากคุณหมอมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพื่อเตรียมรับมือ รับรู้ และหลี่กเลี่ยง ดังนี้
หลายคนยังไม่รู้ ระวัง “15 สิ่งใกล้ตัว” อาจเป็น ปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ให้กับตัวคุณแบบที่ไม่รู้ตัว วันนี้เรามีข้อมูลจากคุณหมอมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพื่อเตรียมรับมือ รับรู้ และหลี่กเลี่ยง มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบคร่าชีวิตคนไทยอันดับต้น ๆ หลายคนเข้าใจว่ามะเร็งเกิดจากพันธุกรรม หรือโชคร้าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว กว่า 90% ของโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยที่เราสามารถควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้
วันนี้ หมอโอ๊ค ได้สรุป 15 ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย อ้างอิงจาก IARC (International Agency for Research on Cancer) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยมะเร็งระดับโลก มาให้ทุกคนได้อ่านและทำความเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อที่คุณจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และลดความเสี่ยงมะเร็งได้อย่างถูกจุด
1. บุหรี่ / ควัน / ยากันยุง / ฝุ่น
- บุหรี่: ไม่ว่าจะเป็นคนสูบเอง หรือคนรอบข้างที่สูดควันบุหรี่มือสอง ก็เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดและอีกหลายอวัยวะ
- ควัน: ควันจากการเผาไหม้ต่าง ๆ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันจากการเผาขยะ หรือแม้แต่ควันในครัว ล้วนมีสารก่อมะเร็ง
- ยากันยุง: การสูดดมควันยากันยุงเป็นประจำ อาจนำพาสารเคมีเข้าสู่ร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงได้
- ฝุ่น PM2.5: อนุภาคฝุ่นขนาดเล็กนี้สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดอย่างมีนัยสำคัญ
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และควันทุกชนิด สวมหน้ากากอนามัยเมื่อค่าฝุ่นสูง
2. อ้วนลงพุง / BMI สูง / ไขมันตับ
- อ้วนลงพุง: ไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้องไม่ได้เป็นแค่เรื่องของรูปร่าง แต่ยังเป็นสัญญาณของภาวะอักเสบเรื้อรังที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด
- BMI สูง: ดัชนีมวลกายที่เกินเกณฑ์ปกติ (ภาวะอ้วน) ทำให้เซลล์ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
- ไขมันตับ: ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ตับอักเสบ ตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งตับ
- ฮอร์โมน: เซลล์ไขมันที่มากเกินไปสามารถผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
- การป้องกัน: ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดไขมันหน้าท้อง และดูแลสุขภาพตับ
3. เนื้อแปรรูป / PAHs / ไนไตรท์
- เนื้อแปรรูป: เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน กุนเชียง ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 (Group 1 Carcinogen) โดย IARC
- PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons): สารนี้เกิดจากการปิ้งย่างเนื้อสัตว์ด้วยความร้อนสูง หรือการรมควัน
- ไนไตรท์/ไนเตรท: สารกันเสียที่พบในเนื้อแปรรูป เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกายจะกลายเป็นไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
- การปรุงแต่ง: กระบวนการแปรรูปมักใช้สารเคมีและเกลือในปริมาณมาก ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพลำไส้และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
- การป้องกัน: ลดการบริโภคเนื้อแปรรูป หันมาเลือกเนื้อสด หรือปรุงอาหารด้วยวิธีต้ม นึ่ง อบ
4. ขาดการออกกำลังกาย
- ภาวะอ้วน: การไม่ออกกำลังกายนำไปสู่ภาวะอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงมะเร็งโดยตรง
- ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ: การเคลื่อนไหวของร่างกายช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น การขาดการออกกำลังกายจึงทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- การอักเสบเรื้อรัง: การเคลื่อนไหวช่วยลดภาวะอักเสบในร่างกาย หากขาดการออกกำลังกาย ร่างกายจะอยู่ในภาวะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเซลล์มะเร็ง
- อินซูลินสูง: การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น หากขาดการออกกำลังกาย อินซูลินอาจสูงขึ้นและกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- การป้องกัน: ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ (ความเข้มข้นปานกลาง) หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ (ความเข้มข้นสูง)
5. แอลกอฮอล์
- อะซีตัลดีไฮด์: เมื่อร่างกายย่อยสลายแอลกอฮอล์ จะเกิดสารอะซีตัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งโดยตรง
- ฮอร์โมน: แอลกอฮอล์สามารถส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
- ระบบภูมิคุ้มกัน: การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ยากขึ้น
- สารอาหารลดลง: แอลกอฮอล์ขัดขวางการดูดซึมสารอาหารสำคัญ เช่น โฟเลต วิตามินบี ที่จำเป็นต่อการป้องกันมะเร็ง
- การป้องกัน: ลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ หากดื่ม ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะตามคำแนะนำของแพทย์
6. วิตามินดี3 ต่ำ
- ภูมิคุ้มกัน: วิตามินดี3 มีบทบาทสำคัญในการควบคุมและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น
- การแบ่งเซลล์: วิตามินดี3 ช่วยควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ให้เป็นปกติ หากขาดจะเพิ่มความเสี่ยงในการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ
- การอักเสบ: วิตามินดี3 มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ การขาดวิตามินดี3 จึงทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะอักเสบเรื้อรัง
- ยีน: วิตามินดี3 สามารถควบคุมการทำงานของยีนบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดและการยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- การป้องกัน: ตากแดดอ่อน ๆ ช่วงเช้าหรือเย็นเป็นประจำ (15-20 นาที) หรือรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี3 ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
7. ขาดโอเมก้า 3
- การอักเสบ: โอเมก้า 3 (โดยเฉพาะ EPA และ DHA) มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่รุนแรง การขาดโอเมก้า 3 จึงทำให้เกิดภาวะอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
- การเติบโตของเซลล์มะเร็ง: โอเมก้า 3 มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
- การสร้างหลอดเลือด: โอเมก้า 3 สามารถยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารอาหารและเติบโตได้ยากขึ้น
- ภูมิคุ้มกัน: โอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมและเซลล์ผิดปกติ
- การป้องกัน: บริโภคปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน แมคเคอเรล ซาร์ดีน หรืออาหารเสริมโอเมก้า 3 ที่มีคุณภาพ
8. ไฟเบอร์ต่ำ / ลำไส้พัง / Microbiome
- ไฟเบอร์ต่ำ: การบริโภคไฟเบอร์น้อย ทำให้การขับถ่ายไม่ดี สารพิษตกค้างในลำไส้นานขึ้น เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ลำไส้พัง (Leaky Gut): ภาวะที่ผนังลำไส้เสียหาย ทำให้สารพิษและเชื้อโรคซึมเข้าสู่กระแสเลือด ก่อให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย
- Microbiome ไม่สมดุล: แบคทีเรียในลำไส้ที่ไม่ดีมีจำนวนมากเกินไป ทำให้เกิดสารพิษและภาวะอักเสบเรื้อรังในลำไส้
- สารอาหารลดลง: เมื่อลำไส้ไม่แข็งแรง การดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อการป้องกันมะเร็งก็จะลดลง
- การป้องกัน: บริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และดูแลสุขภาพลำไส้ด้วยโปรไบโอติก/พรีไบโอติก
9. เครียดเรื้อรัง
- ฮอร์โมนความเครียด: เมื่อเครียดเรื้อรัง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ซึ่งไปกดภูมิคุ้มกันและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ระบบภูมิคุ้มกัน: ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ร่างกายไม่สามารถตรวจจับและกำจัดเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้นได้
- การอักเสบ: ความเครียดเรื้อรังนำไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็ง
- พฤติกรรมเสี่ยง: คนที่เครียดอาจหันไปพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือกินอาหารไม่มีประโยชน์
- การป้องกัน: จัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ โยคะ ออกกำลังกาย หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
10. นอนน้อย / นอนไม่ลึก
- เมลาโทนินต่ำ: การนอนน้อยหรือนอนไม่ลึก ทำให้การผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินลดลง ซึ่งเมลาโทนินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง
- ภูมิคุ้มกัน: การนอนหลับที่ดีช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงพร้อมต่อสู้กับโรค
- การซ่อมแซมเซลล์: ในระหว่างการนอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย หากนอนไม่พอ การซ่อมแซมจะไม่สมบูรณ์
- การอักเสบ: การนอนไม่พอเรื้อรังทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น
- การป้องกัน: นอนหลับให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน พยายามเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอน
11. ติดหวาน / อินซูลินสูง
- น้ำตาลเป็นอาหารเซลล์มะเร็ง: เซลล์มะเร็งชอบน้ำตาล และใช้น้ำตาลเป็นพลังงานในการเจริญเติบโตและแพร่กระจาย
- อินซูลินสูง: การบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตแปรรูปมากเกินไป ทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินสูง ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมการเติบโตของเซลล์
- IGF-1 (Insulin-like Growth Factor-1): อินซูลินที่สูงจะกระตุ้นการผลิต IGF-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- การอักเสบ: การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปทำให้เกิดภาวะอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
- การป้องกัน: ลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูป หันมาบริโภคคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและโปรตีนที่ดี
12. ปิ้งย่าง / น้ำมันเก่า / ของทอด
- สารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่าง: การปิ้งย่างเนื้อสัตว์ด้วยความร้อนสูง ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งกลุ่ม PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons) และ HCA (Heterocyclic Amines)
- น้ำมันเก่า/ใช้ซ้ำ: การใช้น้ำมันทอดซ้ำหลายครั้ง ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระและสารก่อมะเร็งจำนวนมาก
- ไขมันทรานส์: ของทอดบางชนิดอาจมีไขมันทรานส์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงการอักเสบและโรคเรื้อรัง
- ความร้อนสูง: การปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงมากเกินไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอาหารและสารอาหาร
- การป้องกัน: ลดการบริโภคอาหารปิ้งย่าง ของทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำ เลือกวิธีปรุงอาหารแบบ ต้ม นึ่ง อบ แทน
13. Aflatoxin จากถั่วลิสง
- อะฟลาทอกซิน: เป็นสารพิษที่ผลิตโดยเชื้อรา (Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus) มักปนเปื้อนในธัญพืช ถั่วลิสง และข้าวโพด ที่เก็บไม่ดี
- สารก่อมะเร็งตับ: อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่มีฤทธิ์รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อตับ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับในบางภูมิภาค
- การปนเปื้อน: อาจพบการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสง เช่น เนยถั่ว หรือในพริกแห้งบางชนิด
- การระบุ: สังเกตลักษณะของถั่วที่ผิดปกติ เช่น มีราขึ้น เปลี่ยนสี หรือมีกลิ่นอับ
- การป้องกัน: เลือกซื้อถั่วลิสงและธัญพืชจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่เก็บไว้นานเกินไป
14. พยาธิในปลาดิบ
- พยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchis viverrini): พบมากในปลาดิบน้ำจืด เช่น ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก
- มะเร็งท่อน้ำดี: พยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
- การอักเสบเรื้อรัง: การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในท่อน้ำดี ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง
- การระบุ: การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการบริโภคปลาดิบน้ำจืด หรือปลาที่ปรุงไม่สุก ควรกินปลาที่ผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อนสูงเท่านั้น
15. ขาดผัก ผลไม้ ถั่วอ่อน
- ไฟเบอร์: ผัก ผลไม้ และถั่วอ่อน อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยในการขับถ่าย สารพิษ และรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
- สารต้านอนุมูลอิสระ: พืชเหล่านี้มีวิตามิน แร่ธาตุ และสารไฟโตนิวเทรียนท์จำนวนมาก ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- ภูมิคุ้มกัน: การได้รับสารอาหารจากผัก ผลไม้ และถั่วอ่อนอย่างเพียงพอ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- ลดภาวะอ้วน: การบริโภคผัก ผลไม้ ช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุบจิบ และควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
- การป้องกัน: บริโภคผักและผลไม้หลากสีสันให้ได้วันละ 5-9 ส่วน ห้ามขาด และเลือกถั่วอ่อน เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง มาเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร
จะเห็นได้ว่าปัจจัยเสี่ยงมะเร็งส่วนใหญ่ล้วนมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคอาหารของเราเอง การมีความรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่ารอช้า เริ่มต้นดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและปราศจากมะเร็งค่ะ ขอบคุณ : ข้อมูลจากหมอโอ๊ค DoctorSixpack

พายุทวีกำลังแล้ว เป็น "พายุโซนร้อนหวู่ติบ" เปิดเส้นทางจ่อถล่ม

ราคาทองวันนี้ 11 มิถุนายน 2568 ราราทองมีปรับตัวอีกครั้งที่ 4

ครอบครัวเด็กแว้นแจงที่มา จัดงานบวชโปรยทาน 6 ล้าน หลังไม่ชดใช้พยาบาล

กลางเดือนปัง! 3 ราศี เงินทองงอกเงย ฟลุ๊คเรื่องเงินก้อนใหญ่
